เงื่อนงำกฎหมายขายชาติ?

การผลักดันกฎหมาย 11 ฉบับ อย่าง พรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 พรบ.อาคารชุด(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2542 พรบ.การเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ.2542 และ พรบ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542
.
จุดเริ่มต้น เกิดขึ้นโดยการชงและผลักดันในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่มี ชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ
.
แม้จะมีประชาชนออกมาคัดค้าน และเรียกขานเป็น กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ แต่รัฐบาลก็อ้างความจำเป็นในการแก้ไขฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตต้มยำกุ้ง
.
รัฐบาลประยุทธ์ ก็อ้างฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในการอนุมัติร่างกฎกระทรวง ให้คนต่างด้าว 4 กลุ่ม ได้รับสิทธิซื้อที่ดินได้ไม่เกิน 1 ไร่ ภายในเขตกรุงเทพฯ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล หรืออยู่ภายในบริเวณที่กำหนดเป็นเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยมีเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และต้องลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี
.
จึงเป็นอีกครั้งที่เกิดเสียงสะท้อนของคำว่า “กฎหมายขายชาติ” ดังกระหึ่มขึ้นมาอีก
.
เพราะการกำหนดเกณฑ์แค่ 40 ล้านบาท หรือแค่ 1,052,632 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แถมแค่เป็นการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซื้อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ พักเงินไว้ 3 ปี ได้ดอกเบี้ยงาม พ่วงได้สิทธิ์ซื้อที่ดินแล้ว
.
วิเคราะห์อย่างไร ก็ไม่ได้มุ่งหวังการลงทุนในระบบเศรษฐกิจจริงๆ จึงเกิดประเด็นสงสัยว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเจ้าสัวบางรายที่มีที่ดินเต็มมือ แล้วเจอพิษเศรษฐกิจ จนต้องการผ่องถ่ายขายที่ดินแลกกับสภาพคล่องใช่หรือไม่
.
จะขายที่ดินให้คนไทยในยามนี้ กำลังซื้อก็มีจำกัด จึงต้องหวังขายให้กับต่างชาติที่มีเงิน จะได้มีปัญญามาซื้อที่ดินในมือเจ้าสัวใช่หรือไม่ จึงต้องกำหนดพื้นที่ทำเลทองอย่างกรุงเทพฯ และพัทยา
.
กำหนดเงื่อนไขให้ต่างชาติซื้อได้ง่ายขึ้น ได้ที่ดินทำเลทองขนาดนี้ จะมีประชาชนทั่วไปมากแค่ไหนที่จะมีที่ดิน 1 ไร่ ในกรุงเทพฯและพัทยา ไปขายให้ต่างชาติได้ ใช่เอื้อประโยชน์เจ้าสัวหรือไม่?
.
ยิ่ง 4 กลุ่มเป้าหมาย อย่าง กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนที่น่าจะมาลงทุนสร้างอุตสาหกรรม สร้างธุรกิจ
.
คนที่เกษียณก็คือมาอาศัยอยู่ในบั้นปลาย ส่วนคนที่ต้องการเข้ามาทำงาน มาหางานทำ เท่ากับมาแย่งงานคนไทยชัดๆ เหมือนกับคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่จะมาแย่งงานดีๆเสียมากกว่า
.
จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เลย ที่เงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นมานั้น จะถูกมองในแง่ลบ ว่ามีเงื่อนงำ มีการเอื้อประโยชน์แอบแฝงอยู่ มุ่งช่วยเจ้าสัวหรือไม่ ประยุทธ์ เท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจว่าจริงไม่จริง
.
แย่ตรงที่ในบรรยากาศของยุคที่เชื่อมั่นในการยึดกุมอำนาจ แม้ปากจะบอกว่า พร้อมรับฟัง พร้อมแก้ไข แต่ที่ผ่านมา สุดท้ายมีแต่การดันทุรังทำตามที่ต้องการ
.
โดยที่มีศรีธนญชัย เนติบริกร รวมทั้งองค์กรอิสระ คอยตีความปกป้องให้ทำได้ทุกเรื่องที่ต้องการ แม้จะค้านสายตา ค้านความรู้สึกของประชาชนเพียงใดก็ตาม
.
ภูวนารถ ณ สงขลา