‘พีระพันธุ์’ ผู้ที่ ‘ประยุทธ์’ เลือกไว้ใจ
กรณี ครม. มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เป็น “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” ทำให้แวดวงการเมือง และผู้คนในสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น แต่ไม่ใช่สำหรับ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
กี่ครั้งกี่หนแล้ว สำหรับคนชื่อประยุทธ์ ที่ใช้อำนาจในการแต่งตั้งคน โดยไม่สนใจว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งน้องชายในสารพัดตำแหน่ง การแต่งตั้งบุคคลทางการเมืองมาเป็นองครักษ์พิทักษ์ประยุทธ์ หรือแม้แต่กระทั่งการแต่งตั้งคนเข้ามาเป็นรัฐมนตรี
จะตั้ง จะดูด จะเอามาใช้งานเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เพื่อประโยชน์ในการครองอำนาจ ใช่หรือไม่ สังคมมีคำตอบได้เองจากช่วง 8 ปีที่ผ่านมา
ครั้งนี้ เป็น พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่เปิดตัวเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
พรรคการเมืองที่เป็นหมุดหมายของประยุทธ์ ในการสานฝันที่จะเป็นนายกฯต่อ แม้จะอยู่ได้แค่ 2 ปีก็ตาม
ทำไมต้องเป็น พีระพันธุ์ เท่านั้น สำหรับอนาคตทางการเมืองของ ประยุทธ์
พีระพันธุ์ เริ่มเข้ามาสู่การเมือง ด้วยการเข้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยร่วมทีมกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ โชว์ภาพว่าเป็นคนที่มุ่งตรวจสอบเรื่องทุจริต โดยเฉพาะทุจริตจัดซื้ออาวุธของกองทัพ
ปักหลักอยู่ และเติบใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ จนถึงการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ใต้เงา คสช.
ไม่ถึงปีหลังการเลือกตั้งที่สร้างปรากฏการณ์ดูดสนั่นเมืองของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯให้ได้ ปรากฏว่า 9 ธันวาคม 2562 พีระพันธุ์ ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แบบให้มีผลทันทีในวันเดียวกัน
ถัดจากนั้นแค่ 8 วัน คือในวันที่ 17 ธันวาคม 2562 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอแต่งตั้ง พีระพันธุ์ ให้เป็นที่ปรึกษานายกฯ โดยมีผลในทันทีวันนั้นเลยในการเป็นที่ปรึกษาประยุทธ์ และย้ายเข้าพรรคพลังประชารัฐ
4 เมษายน 2565 พีระพันธุ์ ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพปชร. จากนั้นในวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ก็ได้รับเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
และเมื่อ 19 ธันวาคม 2565 พีระพันธุ์ ลาออกจากการเป็นที่ปรึกษานายกฯ และในวันรุ่งขึ้น 20 ธันวาคม ก็ได้เป็นเลขาธิการนายกฯ
นี่คือเส้นทางการเดินเกมการเมืองของพีระพันธุ์ ที่เชื่อมโยงกับอำนาจ คสช. และ ความสัมพันธ์กับ ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างชัดเจน
นี่คือมือทำงานการเมือง ที่ประยุทธ์ เลือกใช้
ไม่ใช่ เสกสกล อัตถาวงศ์ ไม่ใช่ ธนกร วังบุญคงชนะ และไม่ใช่ สุชาติ ชมกลิ่น
ภูวนารถ ณ สงขลา
