23 ตุลาคม 2024

มหากาพย์ฉาวรถไฟฟ้าสายสีส้ม รัฐบาลหน้ากากคนดีเงียบกริบ?

0

สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดข้อมูลที่สามารถใช้คำว่า “สุดช็อก!”

ช็อกกับมหากาพย์การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ของ รฟม. หน่วยงานในกำกับของ กระทรวงคมนาคม

หนึ่งในกระทรวงแดนสนธยาที่อื้อฉาวในปัจจุบัน

อดีตไม่มีพรรคการเมือง หรือนักการเมืองหน้าไหนอยากมานั่งคุมกระทรวงนี้ มองเป็นกระทรวงเกรด B แต่วันนี้ไม่ใช่อีกแล้ว

คมนาคมกลายเป็นกระทรวงเกรด A ที่นักการเมืองแย่งกันมาคุม

ไม่เชื่อ ไปถามคนในกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ดูก็ได้ ว่าอยากมาคุมกันอู้ฟู่ขนาดไหน

ยิ่งในยุคที่อ้างว่าเข้ามาแก้ไขปัญหา เข้ามาพัฒนาประเทศ จึงเร่งทำเมกกะโปรเจคท์ เร่งประมูลงานกันฝุ่นตลบ หัวบันใดไม่เคยแห้ง

เพราะในยุครัฐบาลหน้ากากคนดี เป็น 8 ปี ที่องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริต คอรัปชั่น อ่อนแอและตกต่ำอย่างมาก

การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ของ รฟม. เป็นมหากาพย์ของความดำมืด ที่มีการใช้กลเกมศรีธนญชัยทางกฎหมายเป็นข้ออ้าง เปิดประมูล ล้มประมูล เปิดประมูลใหม่

คำถามสำคัญ ทั้งหมดทำเพื่ออะไร เพื่อใคร จึงทำโดยไม่สนเสียงสะท้อนจากสังคม

สามารถ ราชพลสิทธิ์ เปิดข้อมูลในการประมูลครั้งที่ 1 ทาง BTSC ได้เสนอเงินตอบแทนให้ รฟม. 70,144.98 ล้านบาท และขอรับเงินสนับสนุนจาก รฟม. 79,820.40 ล้านบาท

ถ้า BTSC เป็นผู้ชนะการประมูลในครั้งนั้น ทาง รฟม. จะต้องให้เงินสนับสนุนสุทธิ แก่ BTSC เพียงแค่ 9,675.42 ล้านบาทเท่าน้้น

ทำให้ สามารถเชื่อว่า น่าจะเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดในการประมูลครั้งที่ 1

แต่ข้อเสนอที่สามารถเชื่อว่าดีที่สุดกลับไปไม่ถึงฝั่งฝัน ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้ตามเป้าหมายของใครบางคนบางกลุ่มหรือไม่ จึงเกิดการล้มประมูล

เป็นการล้มประมูล แล้วเปิดประมูลใหม่ ด้วยเงื่อนไขที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักว่าเป็นเงื่อนไขเฉพาะกิจ ที่ไม่ต้องการให้ BTSC ที่ขอเงินสนับสนุนสุทธิน้อยมากที่สุดแค่ 9,675.42 ล้านบาท มีโอกาสเข้ามาเสนอเงื่อนไขที่ต่ำแต่ดีที่สุดกับประเทศชาติได้อีก

สุดท้ายด้วยเงื่อนไขใหม่  BTSC กลายเป็นกลุ่มบริษัทที่ไม่สามารถเข้ายื่นประมูลได้ เพราะคุณสมบัติไม่ครบ

เป็นคลาสสิคเคส ที่ทำให้กลุ่มที่มีโอกาสชนะ กลุ่มที่ขอเงินสนับสนุนจากรัฐต่ำมาก และเชื่อว่าน้อยที่สุด กลายเป็นกลุ่มที่เข้าประมูลไม่ได้

แล้วผลการประมูลครั้งที่ 2 ซึ่งไม่รู้ว่าถูกใจไอ้โม่งหน้าไหนบ้าง ก็ออกมาแบบที่สังคมผิดหวัง แต่ไม่ผิดคาด

8 กันยายน 2565 รฟม. แถลงข่าวผลการประมูลครั้งที่ 2 ว่า BEM ขอรับเงินสนับสนุนสุทธิ 78,287.95 ล้านบาท 

เป็นการขอรับเงินสนับสนุนสุทธิที่ สามารถ ราชพลสิทธิ์ ให้ข้อมูลว่า สูงกว่าที่ BTSC เคยเสนอไว้ ถึง  68,612.53 ล้านบาท

ตกลงอะไรคือผลประโยชน์สูงสุดของการประมูลที่ รฟม. ต้องการ ใช่ผลประโยชน์ของประเทศชาติหรือไม่

เท่านั้นยังไม่โหดร้ายต่อประเทศในสายตาของสังคมมากพอ เพราะในวันที่ 26 ธันวาคม 2565 รฟม. ชี้แจงผลการประมูลครั้งที่ 2 คราวนี้ระบุว่า BEM ขอรับเงินสนับสนุนสุทธิ 85,432 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขใหม่ ไม่เหมือนเดิม ไม่มีการชี้แจงว่า ทำไมเงินสนับสนุนสุทธิจึงเปลี่ยนไป?

เป็นการเปลี่ยนไป ที่หากเอาตัวเลขเสนอของ BTSC เคยเสนอไว้แค่ 9,675.42 ล้านบาทมาเทียบ จะช็อกว่าต่างกันถึง 75,756.58 ล้านบาท

นี่แหละที่ทำให้ สามารถ ราชพลสิทธิ์ บอกว่าสุดช็อก

สังคมช็อกกับกลเกมล้ำลึก ที่หวังผลอะไรก็รู้ๆกันอยู่ เมื่อมีผลต่างสูงมากมหาศาลขนาดนี้ แต่น่าเศร้าใจที่ไม่ใช่ผลต่างที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ

เรื่องนี้ประชาชนเจ็บปวด แต่รัฐบาลหน้ากากคนดีเงียบกริบ ไม่หือไม่อืออะไรเลย

ในที่ประชุม ครม. “แปดเปื้อน” ไม่มีการถามหรือสงสัยกับเรื่องอื้อฉาวนี้ เพราะสนใจแต่การจะแต่งตั้งอธิบดี แต่งตั้งข้าราชการเพื่อหวังผลในการเลือกตั้งที่จะมาถึง

ถ้าจะอ้างว่าเรื่องนี้เป็นโควต้าของกระทรวงคมนาคม ที่ยกให้ภูมิใจไทยดูแล ถ้าภูมิใจไทยไม่สนใจมหากาพย์อื้อฉาว รัฐบาลหน้ากากคนดี ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะยกให้เป็นโควต้าพรรคไปแล้ว

ก็อย่าลืมคำพูดของ อนุพงษ์ เผ่าจินดา เจ้าของฉายา หน้าชัดหลังเบลอ ที่พูดในที่ประชุม ครม.เมื่อ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่บอกว่า ครม.เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จะเอาเรื่องโควต้าพรรคมาเป็นข้ออ้างไม่ได้

เป็นการกล่าวเพื่อสนับสนุนให้มีการตั้งอธิบดี ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าถูกร้องเรียนอย่างมากมาย

ในตรรกะเดียวกันกับที่หน้าชัดหลังเบลอใช้ ทาง รัฐบาลหน้ากากคนดี ก็ควรจะต้องเข้ามาตรวจสอบ มหากาพย์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยไม่ต้องสนใจโควต้าภูมิใจไทย ใช่หรือไม่

แต่ทำไม เพราะอะไร จึงไม่คิดจะทำ

ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกอาการสะบัดฟัดเหวี่ยงอย่างหนัก เพราะรับไม่ได้กับฉายารัฐบาลหน้ากากคนดี ฉายาแปดเปื้อน แต่กลับไม่ไปฟัดให้เต็มเหนี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวที่สามารถสร้างรอยแปดเปื้อนให้กับรัฐบาลได้

ถ้าไม่อยากแปดเปื้อน ก็ลงมือทำให้เห็น ให้สังคมได้รับคำตอบว่า ทำไมตัวเลขที่รัฐบาลจะต้องจ่ายเพื่อสนับสนุนการสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม จึงต้องกลายเป็นสูงถึง 85,432 ล้านบาท

ทั้งๆที่ถ้าประมูลครั้งที่ 1 ไม่ถูกล้ม รัฐบาลจะจ่ายแค่  9,675.42 ล้านบาทเท่านั้น

รัฐบาลหน้ากากคนดี และ 8 ปี แปดเปื้อน ตอบได้หรือไม่ล่ะ

ภูวนารถ ณ สงขลา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *