24 ตุลาคม 2024

‘ชลน่าน’ เปิดเกมฉีกหน้ากาก ฉะ ‘ประยุทธ์’ ก่อหนี้มหาศาล แต่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้

0

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวแถลงเปิดญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า การบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ปฏิบัติหรือดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ที่รัฐบาลประกาศว่าจะเร่งดำเนินการก็ไม่ได้มีการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมแต่อย่างใด เช่น การแก้ปัญหาเรื่องการดำรงชีวิตของประชาชน ซึ่งพบว่าประชาชนระดับรากหญ้ายังมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน มีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในสังคมสูงมาก เกิดภาวะรวยกระจุก จนกระจาย คนไร้ที่อยู่อาศัยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ปัญหาเรื่องประมงพื้นบ้านยังไม่ได้รับการแก้ไข ขณะที่ปัญหาประมงระดับชาติได้รับผลกระทบรุนแรงจากการตราพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โรคระบาด การยกระดับราคาสินค้าเกษตรก็ไม่บรรลุผล ปัญหาการทุจริตก็เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นการขาดความจริงใจ ปล่อยให้พรรคการเมืองดำเนินการแก้ปัญหากันเอาเอง การบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี ก็ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และความผาสุกโดยรวมของประชาชนเป็นที่ตั้ง มีการใช้งบประมาณและก่อหนี้สาธารณะอย่างมหาศาล แต่กลับไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความเดือดร้อนของประชาชนได้ ทำให้การบริหารด้านเศรษฐกิจล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

“ขณะเดียวกันก็มุ่งใช้เงินทางด้านการเมืองทั้งเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้รัฐบาล และเพื่อความมั่นคง ความอยู่รอดของตนเอง ทำให้การปฏิรูปการเมืองล้มเหลวจนทำให้ระบบการเมืองกลายเป็นธนกิจการเมือง เป็นการใช้เงินเพื่อได้มาซึ่งอำนาจ”

นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการปล่อยให้ปัญหายาเสพติดแพร่ระบาดไปทุกชุมชน โดยไม่มีการปราบปรามอย่างจริงจัง บ่อนการพนันเกิดขึ้นทั่วไปโดยการรู้เห็นของเจ้าหน้าที่รัฐ ฟอกเงินจนกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความสงบเรียบร้อยของประชาชน ล้มเหลวในการป้องกันและแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ปล่อยให้กลุ่มทุนต่างชาติเอารัดเอาเปรียบ ขณะที่ค่าครองชีพและราคาสินค้าสูงขึ้น

“ทำให้เห็นได้ว่าระยะเวลา 3 ปีกว่า ของการบริหารราชการแผ่นดินของ ครม.เป็นการทำให้ประเทศเสียโอกาส ทำให้ประเทศมีการพัฒนาที่ถดถอย”

นพ.ชลน่าน ยังได้กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนได้ให้ฉายากับรัฐบาลชุดนี้ว่าหน้ากากคนดี ตัวตนเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ดูหน้ากากบอกว่าเป็นคนดี เป็นคนดีที่มีสิทธิเข้ามาดูแลประเทศชาติบ้านเมืองมากกว่าคนอื่น โดยอ้างว่าเป็นคนดี วันนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมาชี้ให้เห็นหลังจากที่เราอภิปรายเสร็จแล้ว คนจะเห็นตัวตนของคนดีที่ใส่หน้ากากว่าเป็นอย่างไร เราใช้คำว่ากระชากหน้ากากคนดีเพื่อให้ประชาชนเจ้าของประเทศนี้ได้รู้ได้เห็นได้ว่าคนดีที่บอกว่าจะมาคืนความสุขให้พี่น้องประชาชน คนดีที่จะมาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ซึ่งหลังจากกระชากหน้ากากคนดีก็ไปสอดคล้องกับฉายาของนายกรัฐมนตรีที่สื่อมวลชนตั้งให้ว่า “แปดปีที่แปดเปื้อน” จึงเป็นการที่เราต้องใช้สภาแห่งนี้เป็นเวทีที่พิสูจน์กันว่าเป็นจริงหรือเป็นเท็จ เชื่อว่าทุกฝ่ายจะชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงของตนเอง โดยเฉพาะช่วงใกล้จะหมดอายุของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้

“ฉะนั้นการถอดหรือกระชากหน้ากากคนดีครั้งนี้ สิ่งที่เราจะเห็นและปรากฏขึ้นว่าคนดีที่ใส่หน้ากาก หากกระชากแล้วจะเป็นอย่างไร แม้จะลงคะแนนสำหรับการอภิปรายครั้งนี้ไม่ได้ แต่อยากให้พี่น้องไปลงคะแนนในคูหาเลือกตั้งว่าท่านอยากให้คนดีนี้อยู่ต่อหรือไม่ หรืออยากให้ประเทศชาติไปต่อ ประเทศต้องไปต่ออย่างมีศักดิ์ศรีและมีความหมาย ไม่ใช่ไปต่อเพื่อให้คนบางคนได้ไปต่อเพียงเพราะจะสืบทอดอำนาจ” นพ.ชลน่านกล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *