24 ตุลาคม 2024

‘มงคลกิตติ์’ ถามกลางสภา ประชาชนเชื่อหรือไม่ ‘ประยุทธ์’ บอกไม่เคยทุจริตแม้แต่บาทเดียว

0

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช้ปัญญาในการบริหารเศรษฐกิจ โดยหาเงินไม่เป็น เก่งสร้างหนี้สินให้ประเทศ สร้างหนี้สินให้ประชาชน ปล่อยลูกสมุนทุจริตทุกรูปแบบ ทำประชาชนสิ้นหวังอับเฉาแต่ยังอยากอยู่ต่อ ตนจะขอสรุปความเสียหายที่เกิดขึ้นเกิดจาก พล.อ.ประยุทธ์ 4 ประเด็น คือ

1.การบริหารเศรษฐกิจพัง ประชาชนเป็นหนี้ไร้อนาคต โดยเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจของประเทศ มีทุนสำรองระหว่างประเทศ 8.2 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะ 10.5 ล้านล้านบาท หรือ 60.67% ต่อจีดีพี บริหารประเทศมา 8 ปี มีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 5.054 ล้านล้านบาท เฉลี่ยต่อหัว 76,000 บาท ส่วนหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 4.78 ล้านล้านบาท เฉลี่ยต่อหัว 72,000 บาท รวมหนี้ทั้งสองอย่าง ทำให้ประชาชนมีหนี้ต่อหัว 140,000 บาท นายกฯ 13 คน รวมพลังการสร้างหนี้ได้แค่ 5.533 ล้านล้านบาทเท่านั้น เทียบกับ พล.อ.ประยุทธ์ 1 คน ที่สามารถสร้างหนี้ได้ 5.054 ล้านล้านบาท เป็นความสามารถก่อหนี้หาตัวจับได้ยาก ตนจึงของมอบคำขวัญวันเด็ก เด็กวันนี้คือคนใช้หนี้ของลุงตู่ในวันหน้า

2.ปล่อยยาเสพติดทุกประเภทเต็มเมือง จากข้อมูล ปี 2564 จับของกลาง ยาบ้า 515 ล้านเม็ด เฮโรอีน 3,332 กิโลกรัม กัญชาแห้ง 71,769 กิโลกรัม ยาไอซ์เกือบ 20 ตัน และฝิ่น 257 กิโลกรัม เป็นต้น ยาเสพติไม่มีทางหมดจากประเทศเพราะปัจจุบันเรามีอัตราการจ่ายสินบนรางวัลนำจับ เช่น เฮโรอีน คิดกรัมละ 100 บาท ฝิ่นกรัมละ 20 บาท ส่วนยาบ้าไม่เกิน 10 เม็ด 360 บาท การจับยาเสพติดของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง จะแบ่งได้ 3 อย่างด้วยกันคือ 1.จับแล้วได้สินบน และผลงาน 2.ยึดเงินยาเสพติดเอาไว้ใช้เองและแบ่งกัน นำส่งรัฐพอเป็นพิธี 3.ยาบางส่วนส่งรัฐทำลายทิ้ง อีกส่วนไปขายต่อ ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ปีงบประมาณ 2565 จับได้ 323 ราย จาก 249 เรื่อง ที่สำคัญยาเสพติดของไทยมาจากตะเข็บชายแดน เมียนมา กัมพูชา และลาว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง นายกฯปล่อยปละละเลยไม่ได้

3.การพัวพันทุจริตอีบิดดิ้งภาครัฐ เงินส่วย บ่อนออนไลน์เพื่อเอาเงินไว้โกงเลือกตั้ง เรื่องนี้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่กำกับกรมบัญชีกลาง สำนักงานจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งระบบอีบิดดิ้งเริ่มใช้ในปี 2559 ซึ่งทางกรมบัญชีกลางนั้นได้ซื้อระบบมาจากบริษัทหนึ่ง ดังนั้น คนที่จะได้รหัสระบบจะเป็นกรมบัญชีกลางและบริษัทนั้น ตัวอย่างการประมูลงานเช่น การก่อสร้างลาดยางคอนกรีตที่ จ.บุรีรัมย์ งานเล็ก 2 ล้านบาท แต่มีคนซื้อแบบเป็นร้อยราย แต่มีคนเคาะราคาแค่ 2 คน และลดราคาจากกันไม่มาก ซึ่งการทุจริตแบบสมัยก่อนเป็นการทุจริตแบบฮั้วประมูล แต่ทุกวันนี้มันเป็นการทุจริตแบบรวมศูนย์ แล้วที่รู้กันว่าใครซื้อซองหรือไม่ซื้อซองก็ด้วยมีเจ้าหน้าที่จากกรมบัญชีกลางขายรหัส ขายรายชื่อขายซองผู้ประมูล

4.การขายแผ่นดินบรรพบุรุษหรือขายชาติ ที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดว่าตนไม่เคยทุจริตสักบาท อยากถามประชาชนว่าเชื่อหรือไม่ เพราะเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 มีมติ ครม.ผ่านให้ต่างชาติซื้อที่ดิน 1 ไร่ แลกกับการลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท แต่มีการต่อต้านทางรัฐบาลนั้นทนแรงต้านไม่ไหวยอมถอย ถ้าเป็นแบบนี้ยังจะว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ทุจริตอยู่อีกหรือ

โดยตลอดการอภิปรายของนายมงคลกิตติ์ นางบุญญาพร นาตะธนภัทร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เพิ่งให้พรรครวมแผ่นดิน ขับตัวเองออกจากพรรค ได้ประท้วงและปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นระยะว่า พล.อ.ประยุทธ์ทุจริตตรงไหน นี่คือการใส่ร้ายป้ายสี และจะขอให้ถอนคำพูด แต่นายมงคลกิตติ์โต้แย้งว่า ไม่เคยพูดว่านายกฯทุจริต แค่ถามว่าที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าไม่เคยทุจริตแม้แต่บาทเดียว ประชาชนเชื่อหรือไม่ ซึ่งสุดท้าย นายศุภชัยได้วินิจฉัยให้นายมงคลกิตติ์อภิปรายต่อไป

ในช่วงท้าย นายมงคลกิตติ์กล่าวจบการอภิปราย ว่า จะขอทำหน้าที่ในสภาเป็นครั้งสุดท้าย เพราะจะยื่นลาออกในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ โดยขอขอบคุณประชาชน 66 ล้านคน ที่ไว้วางใจให้เป็น ส.ส. และขอบคุณประธานสภา รวมถึงเพื่อน ส.ส. ตลอดการทำงานที่ผ่านมา และหลังจากอภิปรายจบ นายมงคลกิตติ์ได้เดินไปที่หน้าบัลลังก์ของห้องประชุมสภา และก้มลงกราบที่พื้นสภา เพื่อเป็นการขอบคุณสภา ตลอดการทำงานเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *