ยิ่ง‘ปากไว’ ยิ่งสะท้อนวุฒิภาวะ
ประยุทธ์ จันทร์โอชา คนที่อาสา ขอเป็นนายกฯต่ออีก 2 ปี หลังจากที่ทำรัฐประหารเข้ามาเป็นนายกฯนาน 8 ปี แล้วยังไม่พอ
นอกจากคงเส้นคงวาในการยึดติดอำนาจ ประเภท เสพแล้ว เสพอยู่ และยังต้องการเสพต่อไม่สิ้นสุด
ยังคงเส้นคงวาในการแสดงออกถึงขีดความสามารถทางความคิดและการทำงานว่ามีมากน้อยเพียงใด
รวมทั้งมีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากน้อยแค่ไหน
ตอนที่พรรคเพื่อไทยเสนอนโยบาย ค่าแรงขั้นต่ำ 700 บาท ภายในปี 2570
ประยุทธ์ออกมาตั้งคำถามทันทีว่า จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย
บ่งบอกว่ามีความรู้แค่ไหน และมีปัญญาบริหารเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้นจากการก่อหนี้อุตลุดได้หรือไม่
ถ้ารัฐบาลมีปัญญาทำให้เศรษฐกิจแข็งแรงเติบโต เอกชนก็มีปัญญาจ่ายค่าแรงเพิ่มขึ้นได้แน่
แต่ถ้าหากได้รัฐบาลโง่เขลา คุมค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันไม่ได้ ปล่อยให้แพงขึ้นตลอด เอกชนก็ร้องลั่นแล้ว
ล่าสุดเอาอีก พอเพื่อไทยตั้ง เศรษฐา ทวีสิน ให้เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ช่วยดูแลด้านนโยบาบเศรษฐกิจ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรรคประยุทธ์ ไม่มีตัวโชว์ที่ทัดเทียม ได้แต่อ้างว่ามี แต่ว่าแต่ละคนไม่ขอออกชื่อ ขออยู่เบื้องหลัง
หรือเป็นเพราะวุฒิภาวะทางอารมร์มีน้อยเกินกว่าจะควบคุมสภาวะอาการทางปากได้
ก็เลยหลุดสไตล์เดิม ถามกลับว่า แล้วเขาเด่นตรงไหนล่ะ ที่เสนอชื่อเขามา เขาเก่งตรงไหน เขาทำอะไรมา เขาทำธุรกิจ และประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ
แล้วก็มุกเดิม ก้าวข้ามไม่พ้นความขัดแย้ง เอะอะไรก็โทษทักษิณยันเต ว่าเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่เศรษฐกิจ หรือธุรกิจของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง
นี่หรือสติปัญญาส่วนลึกของคนที่อาสาจะมาพัฒนาประเทศ
ในขณะที่ เศรษฐา ทวีสิน มาแบบเหนือชั้นกว่ามากในเรื่องวุฒิภาวะทางอารมณ์ เพราะใช้วิธีนิ่งไม่โต้ตอบ
ให้สังคมพิจารณาเอาเอง ว่าวุฒิภาวะของใครเป็นอย่างไร
โรคปากไว ไร้วุฒิภาวะควบคุมนี่ ไม่ว่าใครเป็น ล้วนดูไม่ดีทั้งนั้นเลยจริงๆนะ
อัคคี กัมปนาท