24 ตุลาคม 2024

‘ชัยเกษม’ รับบทประธานแก้ปัญหาสังคม-ความเหลื่อมล้ำ ของพรรคเพื่อไทย

0

วันที่ 27 มีนาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำพรรค พท. นำโดยนายชัยเกษม นิติสิริ​​ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรค พท. นายชูศักดิ์ ศิรินิล​​​ รองหัวหน้าพรรค พท. นายภูมิธรรม เวชยชัย​​ รองหัวหน้าพรรค พท. และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรค พท. แถลงข่าวกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม

นายประเสริฐกล่าวว่า สภาพปัญหาด้านสังคมของประเทศขณะนี้ ได้สร้างผลกระทบในภาพรวมต่อการดำเนินชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน กระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากปัจจัยหลายด้าน ซึ่งนับวันจะมีความซับซ้อนและรุนแรง จำเป็นจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขด้วยการปฏิรูปสังคม ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและขจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นประชาธิปไตยและความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม เพื่อให้สังคมของไทยกลับมาสู่สังคมแห่งความสมานฉันท์ มีความเท่าเทียมกัน

“พรรค พท.จึงมีนโยบายในการแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อให้การจัดทำนโยบายที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาสังคมอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียมขึ้น โดยมีนายชัยเกษมเป็นประธานคณะกรรมการ, นายชูศักดิ์ รองประธานกรรมการ, นายภูมิธรรม และนายจาตุรนต์ ฉายแสง​​ เป็นกรรมการคณะกรรมการ” นายประเสริฐ กล่าว

นายชัยเกษม กล่าวว่า คณะกรรมการด้านประชาธิปไตยจะทำหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ สรุปสภาพสังคม และความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม กำหนดแนวทางและกระบวนการปฏิรูปสังคม ปัญหากฎหมายลิดรอนสิทธิเสรีภาพ อาชญากรรมทางไซเบอร์ รวมถึงการทุจริต วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย ผลกระทบและการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า เป็นต้น ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรามองภาพกว้างของสังคมว่า เมื่อเกิดปัญหาบิดเบือนสิ่งที่ควรจะเป็น นับตั้งแต่การปฏิวัติ เราก็ยินดีที่จะรับข้อเสนอแนะทุกอย่าง เรามีคณะทำงานชุดย่อยที่สามารถจะแก้ไขทุกจุดและทุกอย่างที่ไม่เป็นที่พอใจของประชาชน

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้จะศึกษา ดูแลภาพรวมด้านสังคม เน้นความเป็นประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม ความเสมอภาคเท่าเทียมที่ยังเป็นปัญหาหลัก แม้จะมีการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้ แต่เรายังไม่เป็นประชาธิปไตยเท่าที่ควรจะเป็น เพราะผลจากการยึดอำนาจการปกครองประเทศ มีรัฐบาลที่ต่อเนื่องจากการยึดอำนาจ เลือกนายกรัฐมนตรีจากคนที่ไม่ได้มาเป็น ส.ส. หรือไม่เป็นสมาชิกพรรค การมี ส.ว.ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี แสดงถึงการไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นการนำประเทศนี้ไปสู่ธนาธิปไตย หรือการใช้เงินเป็นปัจจัยสำคัญในทางการเมือง

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การรัฐประหารในปี 2549 ถือเป็นต้นตอแห่งการทำลายล้างโครงสร้างของระบอบประชาธิปไตยมาจนถึงทุกวันนี้ ระบอบประยุทธ์ ได้ทำลายความงดงามของระบอบประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชน การมีคณะทำงานต่างๆ ของพรรค พท. เพื่อจะบูรณาการงานด้านต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกด้าน ภายใต้หลักคิด 5 ด้าน ได้แก่ 1.ความเสมอภาคทางการเมือง ทุกคนควรมีสิทธิทางการเมืองเท่ากัน ไม่ควรให้รัฐใช้อำนาจเกินขอบเขต โดยไม่มีหลักประกันให้กับประชาชน นักเรียน นักศึกษา ต้องไม่ถูกริดรอน กลั่นแกล้ง โดยใช้อำนาจมากเกินไป

2.ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ ต้องมีหลักประกันความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน ในฐานะสมาชิกในสังคมนับตั้งแต่ปี 2554 ที่ผ่านมา มีการเป็นการปิดกั้นอำนาจทางเศรษฐกิจของประชาชน มีการเอื้อประโยชน์ให้คนส่วนน้อย ซึ่งเป็นคนของพวกเขา คนส่วนมากของสังคมมีชีวิตที่ยากลำบาก 3.ความเสมอภาคทางสังคม ทุกคนต้องมีฐานะทางสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม แม้มีความแตกต่างกันแต่ทุกคนต้องใช้ชีวิตทางสังคมอย่างเต็มที่ ปัญหาที่มีความเห็นที่แตกต่างต้องเข้าสู่สภา ไม่ใช่การใช้อำนาจตามอำเภอใจของรัฐบาล

4.ความเสมอภาคทางกฎหมาย ที่ผ่านมาภาครัฐใช้อำนาจที่ล้นเกิน หลายคนถูกจับ ขัง ทั้งที่ใช้สิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย ในขณะที่อีกหลายคนได้รับการโอบอุ้ม และ 5.ความเสมอภาคทางโอกาส ต้องให้โอกาสทุกคนใช้อำนาจที่สุจริต มาพัฒนาความสามารถ พัฒนารายได้ในการมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างทัดเทียมกัน

“นี่คือการเตรียมความพร้อมของพรรคเพื่อไทยที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาสังคม เศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ หลายเรื่องที่เราเรียกร้องให้ประชาชนเลือกเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เพื่อให้ได้ ส.ส.ในสภา 310 เสียงขึ้นไป ให้เราชนะเด็ดขาด ได้เสียงข้างมากโดยไม่มีข้อสงสัย เป็นพรรคการเมืองพรรคเดียว หรืออย่างน้อยที่สุดร่วมมือกับฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ หากเราได้เสียงไม่ถึง 310 เสียงจะสู้ ส.ว. 250 คนไม่ได้ และมีโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาเหมือนเดิม” นายภูมิธรรมกล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *