24 ตุลาคม 2024

ว่าที่เลขา กสทช. ‘ทิ้งทวน’! ละเลงงบ ‘กองทุนสามล้อถูกหวย USO’ 1.8 พันล้าน จ้างฝึกอบรมไอทีพื้นที่ชายขอบ

0

วงในแฉยับไม่พ้นเลี้ยงกาแฟ-อบรมทิพย์ ปิดจ๊อบเอื้อกลุ่มทุนการเมือง

กสทช.ฉาวไม่เลิก คราวนี้คิว “ว่าที่เลขา กสทช.”ทิ้งทวน-ละเลงงบกองทุนสามล้อถูกหวย USO จ้างบริษัทเกณฑ์คนชายขอบมาอบรมความรู้ไอทีในยุคดิจิทัล 5 ภูมิภาค วงเงินร่วม 1.8 พันล้าน สุดอึ้ง! แม้แต่บริษัทค้าคอมพ์-ขายซอฟแวร์เกมยังได้งานประมูล วงในจับตาฝึกอบรมฉาบฉวย-อบรมทิพย์ ไร้ประสิทธิภาพในสามโลก

ทำเอาแวดวงสื่อสารโทรคมนาคมได้แต่ “อึ้งกิมกี่”กับผลงานอื้อฉาวล่าสุดของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(สำนักงาน กสทช.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะการประกวดราคา “โครงการพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสู่สังคมดิจิทัลใน 5 ภูมิภาคภายใต้ภารกิจบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (กองทุน USO)” หรือโครงการจ้างอบรม IT คนชายขอบวงเงินรวม 1,796.42 ล้านบาท

ประกอบด้วย โซนที่ 1 (ภาคเหนือ) ผู้ชนะการประกวดราคาคือกิจการค้าร่วม TK-Chill (ทีเคชิล) โดยเสนอราคาเป็นเงินทั้งสิ้น 496.16 ล้านบาท, โซนที่ 2(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน) ผู้ชนะการประมูลคือ บริษัท บลู โซลูชั่น จำกัดโดยเสนอราคา 345.04 ล้านบาท, โซนที่ 3(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง) ผู้ชนะประมูลคือ กิจการค้าร่วม GT (จีที) โดยเสนอราคาเป็นเงินทั้งสิ้น 345.05 ล้านบาท, โซนที่ 4 (ภาคกลางและภาคตะวันออก)ผู้ชนะประกวดราคาได้แก่บริษัทอินโฟ ซิสเต็ม จำกัด เป็นเงินทั้งสิ้น 316.96 ล้านบาท และโซนที่ 5(-ภาคใต้) ผู้ชนะการเสนอราคาคือ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) เป็นเงินทั้งสิ้น 293.21 ล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสู่สังคมดิจิทัล ในภารกิจบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคมทั้ง 5 ภูมิภาคดังกล่าว กำหนดให้ผู้รับจ้างดำเนินการอบรมกลุ่มเป้าหมาย ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายขอบและพื้นที่ห่างไกลเทคโนโลยี ขาดทักษะและความคุ้นเคยในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) เพื่อพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสู่สังคมดิจิทัล โดยกำหนดเป้าหมายการฝึกอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ชายขอบไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน

*สุดอึ้ง บริษัทขายคอมพ์-ซอฟแวร์คว้างาน
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวอิศรา ได้เผยแพร่รายงานการสืบค้นผู้ชนะประมูลโครงการนี้จากฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยระบุว่าผู้ชนะประมูลจำนวน 3 รายอันประกอบด้วย บริษัทบลู โซลูชั่น จำกัด ได้แจ้งประเภทลักษณะธุรกิจเอาไว้เป็นการประกอบกิจการคอมพิวเตอร์ รวมทั้งอุปกรณ์และอะไหล่

ขณะที่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด(มหาชน) หรือ ITEL แจ้งประเภทธุรกิจเป็นกิจการโทรคมนาคมแบบใช้สายอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้จัดประเภทไว้ และแจ้งลักษณะธุรกิจล่าสุดให้บริการโทรคมนาคม โดยลงทุนก่อสร้างเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงทั่วประเทศ ส่วนบริษัท อินโฟซิสเต็ม จำกัด แจ้งประเภทธุรกิจล่าสุด คือร้านขายปลีกเครื่องเล่นวีดีโอเกมและซอฟร์แวย์สำเร็จรูป ส่วนอีก 2 บริษัทคือ กิจการร่วมค้า TK-Chill และกิจการร่วมค้า GT นั้นไม่ได้แจ้งประเภทธุรกิจใดๆ เอาไว้

*แฉ “เงินทอน” เอื้อทุนการเมืองรับเลือกตั้ง
แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคม ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการเร่งรัดดำเนินโครงการนี้ ที่อ้างว่าเป็นโครงการเดิมที่ได้รับอนุมัติจาก “คณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ”(บอร์ด กทปส.) ตั้งแต่ปี 65 โดยใช้เงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ(กทปส.)หรือกองทุน USO แต่เพิ่งมาอนุมัติเมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ก่อนที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช.ที่ทำหน้าที่รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. จะยื่นใบลาออกเพื่อสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการ กสทช.ในวันรุ่งขึ้น ทำให้มีการตั้งช้อสังเกตว่าเป็นรายการ “ทิ้งทวน” เพื่อสนองกลุ่มทุนสื่อสารและทุนการเมืองเพื่อหวังผลบางประการ

ทั้งนี้ มีรายงานว่า บริษัทเอกชนที่ชนะประมูลโครงการนี้ ล้วนมีความใกล้ชิดกับกลุ่มทุนการเมืองในรัฐบาลชุดนี้ โดยแต่ละรายที่ชนะประมูลโครงการในแต่ละโซน ต้องเจียด “งบสนับสนุนพิเศษ” ให้แก่พรรคการเมืองใหญ่ถึงโซนละร่วม 100 ล้านบาท ผ่านกระบวนการจัดสรรผลประโยชน์ที่มีผู้บริหารระดับสูงของสำนักงาน กสทช.แห่งนี้ เป็นผู้ดำเนินการ โดยเป็นที่ทราบกันดีว่า ที่ผ่านมาผู้บริหารรายนี้ มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ จนถึงขั้นที่สามารถยืมเพื่อขอใช้กลไกของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นที่ปรึกษาและมือกฎหมายของรัฐ ให้เข้ามา “ผ่าทางตัน” เส้นทางการควบรวมกิจการของยักษ์สื่อสารโทรคมนาคมอย่างบริษัททรู-และดีแทค ก่อนหน้านี้ได้

“แม้จะต้องจัดงบพิเศษดูแลพรรคการเมืองเป็น 100 ล้าน แต่ก็ยังมีกำไร เพราะโครงการฝึกอบรมในลักษณะนี้ แทบจะไม่มีใบเสร็จ และไม่สามารถจะตรวจสอบ หรือวัดผลสำเร็จหรือล้มเหลวของโครงการได้ ไม่ต่างจากกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขเพิ่งตรวจสอบพบการฝึกอบรมทิพย์ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *