24 ตุลาคม 2024

สติและวุฒิภาวะ กับ การมุ่งรับใช้

0

หรือนี่คือบรรทัดฐานของ ส.ว. ที่ได้รับการแต่งตั้งมาโดย คสช. โดยคนชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวก

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 มีการประชุมรัฐสภา ที่เป็นการประชุมร่วม ส.ส. และ ส.ว. เพื่อเลือกคนที่จะมาเป็นายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้ง

พรรคพลังประชารัฐที่พลิกเกมสามารถรวมเสียงข้างมากได้ ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นพรรคที่ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 1

แต่เพราะว่า รัฐธรรมนูญฉบับตามใจแป๊ะ ที่เขียนโดย มีชัย ฤชุพันธุ์ และพวก ได้ก่อให้เกิดการตระบัดสัตย์ทางการเมือง

พลังประชารัฐในวันนั้น ใช้ความเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เสนอชื่อ ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

บันทึกไว้เป็นหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยในยุคของการใช้อำนาจเพื่อก้าวขึ้นสู่การยึดกุมอำนาจ และบันทึกไว้ให้จดจำว่า วันนั้นพรรคการเมือง ส.ส. และ ส.ว. ทำอย่างไร

คะแนนเสียงสนับสนุน ประยุทธ์ มาจากพรรคพลังประชารัฐ 116 เสียง แค่ 116 เสียงเท่านั้น แต่วันนั้นอ้างว่าถือเป็นเสียงส่วนใหญ่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ 51 เสียง พรรคภูมิใจไทย 50 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 เสียง พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง พรรคประชาชนปฏิรูป 1 เสียง และบรรดา 10 พรรคเล็ก อีก 10 เสียง

เท่ากับเสียง ส.ส.ที่สนับสนุนประยุทธ์ มีรวมทั้งสิ้น 251 เสียงเท่านั้นเอง

ในขณะที่ขั้วการเมืองฝ่ายค้านในขณะนั้น รวมเสียงได้ 244 เสียง

วันนั้น ส.ว. 250 คน เทคะแนนให้กับประยุทธ์ 249 คน โดยมีงดออกเสียง 1 คน คือ พรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา

เป็นการออกเสียงให้ของ ส.ว. แบบไม่มีการแตกแถว ไม่มีการตั้งคำถามเลยสักนิดว่า ประยุทธ์ได้คะแนนเสียงปริ่มน้ำ แค่ 251 เสียงเท่านั้นเอง

และเป็นสาเหตุให้วุฒิสภาได้รับฉายาเป็น สภาทหารเกณฑ์

เมื่อถูกสังคมตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่เป็นนั่งร้านให้ประยุทธ์ได้เสพสมเก้าอี้นายกฯได้ตามอารมณ์หมาย ได้มี ส.ว.ปากแจ๋วหลายคนที่ออกมาอ้างว่า ประยุทธ์ได้เสียงข้างมากจาก ส.ส.อยู่ก่อนแล้ว เท่ากับ ส.ส.เลือก ประยุทธ์ ส่วน ส.ว.ไม่ได้เป็นหลักในการเลือก แค่เป็นผู้สนับสนุน

แต่มาในวันนี้ ขั้วที่ชนะการเลือกตั้ง รวมเสียงได้มากถึง 310 เสียง มากกว่าตอนที่ ประยุทธ์ ได้รับเลือกเป็นนายกฯถึง 59 เสียง แต่วันนี้ ส.ว.กลับอ้างว่า เป็นเสียงที่ยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ที่ต้องได้เกิน 367 เสียง

วันนั้นในอดีต ส.ว.ไม่มีการทวงถามพลังประชารัฐในเรื่องการรวมเสียงให้ได้เกิน 367 เสียงเลยสักคำ แต่ในวันนี้ มี ส.ว.ปากแจ๋ว ออกมาอาละวาดฟาดงวงฟาดงา พูดวาจาใหญ่โต ว่า ขั้วก้าวไกลจะต้องไปหาเสียงมาให้ได้ 367 เสียงเอง เพราะ ส.ว.กลุ่มปากแจ๋วจะไม่โหวตให้ หรือไม่เช่นนั้นก็จะโหวตงดออกเสียง

นี่คือการสวนทางไม่แยแสกับการลงคะแนนเลือกตั้งของประชาชนใช่หรือไม่

ส.ว.ที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชนมายาวนานร่วม 10 ปี ย้ำกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ไม่ใช่กินเงินเดือนจากประยุทธ์ และพวก ควรจะต้องทำหน้าที่เพื่อประชาชน หรือทำหน้าที่รับใช้ประยุทธ์ไม่เลืกรา

สังคมไทยควรจะจดจำชื่อของบรรดากลุ่ม ส.ว.ปากแจ๋ว เหล่านี้เอาไว้ให้แม่น ว่าคนกลุ่มนี้สมควรมีที่ยืนในสังคมอีกหรือไม่

ไม่แปลกที่พฤติกรรมเหล่านี้ ทำให้ สังคมว่อนไปด้วยคำถามว่า ส.ว.มีไว้ทำไม

ภูวนารถ ณ สงขลา

ภาพ iLAW

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *