โรยผักชีไว้หนัก-นโยบายเก็บใส่ลิ้นชัก หรือไง
“ไม่ตรงปก”
“สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง” ระวัง “ศรัทธา” –ตก
หายไปกับ “บัตรเลือกตั้ง” หลังรับชัยชนะเป็นที่ ๑ แห่งแผ่นดิน ค่าแรง ๔๕๐ บาททำทันที เงินผู้ชราเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท ที่ “หนุ่มสาว” คาดฝันว่า “พ่อแม่” ที่อยู่ด้านหลัง มีเงิน “เลี้ยงชีพ” ในยามแก่เฒ่า
ได้ใจประชาชนมาแล้ว “๑๔ ล้านเสียง” กด “ทุกพรรคเดี้ยง”..แต่ “นโยบายที่ตรงใจชาวบ้าน” ไม่ยักเห็น “พรรคก้าวไกล” ต่อแขนต่อขา ให้เสร็จเป็น “รูปร่างเสียที”..เหมือนจะ “เตะลูกออก” ไม่เป็นเหมือน “ผักชีโรยหน้า” เลย
หวังสร้างการเมืองใหม่ให้คนรัก.. “แต่นโยบายเก็บใส่ลิ้นชัก” ไม่โสภา-นะคุณเจ้าเอ๋ย
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“มีเสี้ยนตำอยู่ที่ฝ่าเท้า”
เป็น “หนองกลัดใน” พร้อมออกอาการแสร้ง-ไม่เบา
อย่าได้ไปเชื่อเขา, เพราะการ “ตีความ” ของ “ฝ่ายประชาธิปไตย” ที่ว่า “จะชนะ” มักแพ้ “ทะรูดทะราด”กันอยู่ไม่ขาด
“ถือหุ้นสื่อ ไอทีวี” ของ “ทิมพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ดูอย่างไรก็เป็น “มีดจี้คอ” ประมาทไม่ได้สักนาที..ยังมาถูก “ดาบสอง” ว่า “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ครอบงำพรรค เพราะยืนกระต่ายขาเดียว “ประธานสภาฯ”ให้พรรคใดไม่ได้
ศึกล้อมก้าวไกลจนอ่วม.. “ยังทะเลาะกับพรรคร่วม” ไม่นึกถึงไมตรี-พรรคเพื่อไทย
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“เขาไม่มีดีล”
ยอมร่วมหัวจมท้าย เพื่อเข้าเป็น “รัฐบาล” -อย่างหมดสิ้น
แต่มีบางคน “ใช้ลิ้น” สร้างดีลลับ ว่า “เพื่อไทย” มีการตั้งรัฐบาลกับ “พลังประชารัฐ และ ประชาธิปัตย์” ที่สนามกอล์ฟ
“คนทั้งบาง” ต่างรู้กันว่า “เพื่อไทย” กับ “ประชาธิปัตย์”เขาเป็นยิ่งกว่า “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ”..เป็นไปได้อย่างไร ที่ “เพื่อไทย” ซึ่งไม่เคย “กลืนกินน้ำลาย” กระทั่ง “ถ่มน้ำลายรดฟ้า” เพื่อลงมาโดนหน้าตัวเอง จะมีดีลลับเช่นนี้
มันเป็นดีลเถื่อน-วาจาเลื่อนเปื้อน ทำลายเพื่อไทย-เต็มที่
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ใช้ฝีมือหนึ่งตัวตึงออกมาชง”
“ทิมพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ออกมากู้สถานการณ์-ไม่ให้แหกโค้ง
ตำแหน่ง “ประธานสภาฯ” เป็นเรื่องเล็ก”เป้าหมายใหญ่” เป็นการ “ล้มเผด็จการ” ให้สาบสูญหมดไป
ต้องบอกว่า “ก้าวไกล” แต่ “ละเบอร์” แต่ละคน แต่ละท่านนั้น ปาก “หาศัตรู” ได้ทุกเวลา..เพื่อไม่ให้เกิดการ “เหยียบหัวแม่ตีน” กันอีก..ควรพูดให้น้อย เจรจากันอยู่ในกรอบ เฉพาะถ้อยคำของ “พรรคร่วม” เท่านั้น
ก้าวไกลขยับมาก.. “ยิ่งเพิ่มสงครามปาก” ขึ้นทุกวัน
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“หลักการยังแกร่ง”
ให้ “ทิมพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็น “นายกรัฐมนตรี” โดย “เพื่อไทย” หนุน ไม่คิด-ลงแข่ง
เพราะเป็น “ฉันทามติ” ที่ “เพื่อไทย” สนองตอบความต้องการ ของ “ประชาชน” จากฝ่ายประชาธิปไตย
แต่เก้าอี้ “ประธานสภาฯ” ที่ต้อง “เป็นกลาง” ไม่ “ปักหมุด” ยึดโยง “สุดตัว” อยู่กับ “พรรคของตนเอง” ซึ่งสมควรที่ “ทุกพรรค” เห็นตัว “คนที่เหมาะสม” เพื่อ “ลงแข่ง” ในการ “สร้างความสามัคคี” ให้กับคนในชาติ
ถ้าประธานสภามีหน้าที่หลัก.. “รับใช้พรรค” มีแต่จะเสียของ-ชะมัด
“กะพรุนไฟ”
๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖
