24 ตุลาคม 2024

คลังโร่แจง การใช้เงินนโยบายกึ่งการคลังของรัฐบาลประยุทธ์ เพราะจำเป็นและไม่ได้ตั้งงบฯไว้ก่อน

0

อ้างทยอยชดเชยค่าใช้จ่ายคืนให้กับหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้การดำเนินนโยบายกึ่งการคลังเป็นภาระจนหน่วยงานแย่ ส่วนยอดคงค้างฯในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่จัดการได้

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำคลิปที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสและภาระทางการคลังที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินนโยบายกึ่งการคลังในช่วงของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเคยเผยแพร่ในเดือนเมษายน 2565 และได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว กลับมาเผยแพร่ซ้ำผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ในช่วง 2 – 3 วันที่ผ่านมานั้น จึงขอชี้แจงเรื่องการดำเนินนโยบายกึ่งการคลัง ดังนี้

1.ภาระทางการคลังที่เกิดจากการดำเนินนโยบายกึ่งการคลังเป็นการบันทึกรายการค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปในการดำเนินโครงการนโยบายรัฐเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย และประชาชนผู้มีรายได้น้อย ในกรณีที่มีความจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วน และหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องไม่ได้ขอตั้งงบประมาณรองรับไว้ล่วงหน้า โดยหลังจากที่ได้มีการดำเนินโครงการแล้ว หน่วยงานของรัฐจะเป็นผู้ยื่นคำขอรับจัดสรรงบประมาณโดยตรงกับสำนักงบประมาณต่อไป

2.ทุกรัฐบาลที่ผ่านมามีการดำเนินนโยบายกึ่งการคลังมาโดยตลอด ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2565 ที่ผ่านมารัฐบาลมีความจำเป็นเร่งด่วนในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกรในช่วงที่ราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ รวมถึงการเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการรายย่อยและลดภาระค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยในช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยรัฐบาลได้มีการอนุมัติวงเงินโครงการเพื่อสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน 186,217 ล้านบาท ผู้ประกอบการรายย่อย จำนวน 16,764 ล้านบาท และประชาชนผู้มีรายได้น้อย จำนวน 7,059 ล้านบาท

3.การดำเนินนโยบายกึ่งการคลังดังกล่าวเข้าข่ายเป็นกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการที่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 (พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ) อย่างเคร่งครัด โดยจะกระทำได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น และต้องเป็นไปเพื่อ (1) ฟื้นฟูหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ (2) เพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือ (3) ช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยหรือการก่อวินาศกรรม

“นโยบายกึ่งการคลังเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการคลังที่ทุกรัฐบาลมีการดำเนินการมาโดยตลอด เนื่องจากสามารถช่วยให้รัฐบาลบริหารงานเพื่อให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย และประชาชนผู้มีรายได้น้อย ในยามจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วนได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการรักษาวินัยการคลังอย่างเคร่งครัด โดยได้จัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้กับหน่วยงานของรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้การดำเนินนโยบายกึ่งการคลังเป็นภาระต่อหน่วยงานของรัฐมากจนเกินสมควร ส่งผลให้ยอดคงค้างฯ ในปัจจุบันจึงยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้” นายพรชัย กล่าว

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจาก สังคมได้มีการติดตามและเปิดเผยตัวเลขภาระหนี้สาธารณะของประเทศ ในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอำนาจ ตลอด 8 ปี 10 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำการรัฐประหาร เข้ามาบริหารประเทศช่วงเดือน พ.ค. 2557 จนถึงวันที่ 20 มี.ค. 2566 ที่ประกาศยุบสภา พบว่า ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะ จากเมื่อปี 2557 ที่มีภาระหนี้อยู่ที่ 5.53 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 10.69 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 5.16 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว และมีสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพี เพิ่มขึ้นจาก 45.91% เป็น 61.62% แตที่สำคัญ หนี้ในส่วนนี้ยังไม่ได้รวมยอดหนี้การใช้เงินนโยบายกึ่งการคลังของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ อีกกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งหากนำไปรวมยอดหนี้สาธารณะจะเพิ่มมากขึ้นอีก จึงทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนกระทรวงการคลังต้องออกมาแก้ต่างให้ดังกล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *