23 ตุลาคม 2024

ทันทีที่ปรากฏข่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง จะมีมติส่งกรณี ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น itv ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าเป็นเหตุให้พ้นสภาพการเป็นส.ส.หรือไม่

ปฏิกิริยาของสังคมที่เกิดขึ้น หากใช้ภาษาของนักร้องที่ชอบใช้กันเหลือเกิน ก็คือ ขอให้มีการตรวจสอบว่า กกต.เป็นกลางหรือไม่?

ขอให้มีการตรวจสอบว่า กกต.มีความเป็นอิสระจริงหรือไม่?

การหาข้อยุติเมื่อมีเหตุให้สงสัยสามารถทำได้ แต่ไม่ใช่อย่างที่มีข่าวว่า กกต.จะทำในจังหวะนี้ เพราะดูมีพิรุธ

เลยเถิดไปจนถึงขั้น อยากให้มีการตรวจสอบว่า ตุลาการรัฐธรรมนูญแต่ละคนมีความเป็นกลางหรือไม่?

ตุลาการรัฐธรรมนูญแต่ละคนมีความเป็นอิสระจริงหรือไม่?

เพราะการที่มีกระแสข่าวเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อนถึงวันที่รัฐสภาต้องโหวตเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

ไม่ว่ามองอย่างไร ก็ล้วนเกิดข้อสงสัยขึ้นมามากมายยังช่วยไม่ได้

ข้อสงสัยที่แย่ที่สุดก็คือ นี่คือการรัฐประหารล้มเสียงเลือกตั้งของประชาชนด้วยการใช้การตีความกฎหมายให้เป็นไปตามต้องการของบรรดากลุ่มผู้สืบทอดอำนาจเผด็จการ คสช.ที่กำลังจะสูญเสียอำนาจใช่หรือไม่?

เพราะในขณะที่มีข่าวว่าจะยื่นกรณีนี้ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น กกต.ยังไม่เคยที่จะให้ผู้ถูกกล่าวหาไปชี้แจง ไปแก้ข้อกล่าวหา อย่างเป็นทางการเลย

เพราะแบบนี้แหละที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า พฤติกรรมของกกต.หากเป็นเช่นดั่งว่าจริงๆ มีอะไรหรือใครชักใยอยู่เบื้องหลังหรือไม่?

ถ้าเป็นแบบนี้ สังคมไทยจะขับเคลื่อนกันด้วยการร้องเรียนไม่จบไม่สิ้น จนคล้ายกับร้องด้วยความมุ่งอาฆาตมาดร้ายหรือไม่? ตรงนี้แหละที่น่าคิด

และบรรดาหน่วยงาน โดยเฉพาะที่เป็นองค์กรอิสระ ที่มีบทบาทสำคัญและควรเป็นองค์กรหลักที่ช่วยให้สังคมไทยยืนอยู่บนความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และเป็นกลางอย่างแท้จริง กลับละเลยซึ่งหน้าที่สำคัญนี้หรือไม่?

เงินภาษีประชาชนที่ใช้ไปกับองค์กรอิสระเหล่านี้ ที่ใช้ไปเป็นเงินเดือนให้กับบุคลากรขององค์กรอิสระเหล่านี้ คุ้มค่าหรือไม่? หากองค์กรเหล่านี้ถูกใช้ไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการรับข้อร้องเรียนที่มีภาพของการเลือกขั้วเลือกข้างทางการเมือง

ในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือน ไม่ต้องทำหน้าที่หลักกันแล้ว เพราะมัวแต่ต้องมาวุ่นวายทำแต่เรื่องคำร้องที่มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองใช่หรือไม่?

ถ้าใช่แบบนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเงินภาษีของประชาชนยิ่งนัก

เป็นเรื่องที่ในอนาคตอันใกล้ควรที่จะต้องมีการสังคายนาบรรดาองค์กรอิสระ ให้กลับคืนสู่การเป็นองค์กรอิสระที่มีความเป็นอิสระอย่างแท้จริงหรือไม่?

ใครก็ตามที่ประพฤติตน “แอบอยู่เบื้องหลัง” สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติและสังคมไทย ด้วยเหตุผลเพียงแค่กระหายอำนาจอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช

คนๆนั้น และกลุ่มสมุนรับใช้ ที่อยู่รอบข้างคนๆนั้น สมควรที่จะต้องถูกประนาม

การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพราะพิษตัณหาอำนาจการเมือง เป็นสิ่งที่สมควรประณามอย่างยิ่งจริงๆใช่หรือไม่?

เพราะทำให้ความเชื่อมั่นศรัทธาต่อระบบยุติธรรมของประเทศสั่นคลอน

อัคคี กัมปนาท

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *