24 ตุลาคม 2024

ก้าวไกล ยัน ‘โย พงศธร’ มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีจริงๆ ส่วนธุรกิจเบียร์ก็ยังไม่มีปันผล

0

ส่วนเรื่องที่เคยถูกแจ้งความคดียักยอกทรัพย์ มีข้อเท็จจริงชัดเจนว่าสุดท้ายตำรวจมีความเห็น “สั่งไม่ฟ้อง”

วันที่ 29 สิงหาคม นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล และ นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวกรณีข้อกล่าวหาทางด้านภาษีและคดียักยอกทรัพย์ ตามที่ปรากฏในข่าว โดย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2562 นายพงศธร หรือ โย ทำหน้าที่เป็นผู้ชำนาญการประจำตัว ส.ส. คือ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีเงินรายได้ประมาณ 15,000 บาท/เดือน เมื่อคำนวณตลอดทั้งปี จึงมีรายได้ไม่เกิน 180,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ไม่เกินที่กฎหมายกำหนดให้จ่ายภาษี ดังนั้น เมื่อตลอด 3 ปีที่ผ่านมานายโยจึงไม่ได้ยื่นแบบฟอร์มภาษี แม้จะโดนหักภาษี ณ ที่จ่าย รวมทั้งได้ทำแบบฟอร์ม สส.4/7 เพื่อยืนยันว่าตัวเองมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี

ประเด็นที่สอง กรณีสื่อแห่งหนึ่งพาดหัวข่าวว่า “โซเชียลทั้งขุดทั้งแฉ โย พงศธร ผู้สมัครเขต 3 ระยอง ก้าวไกล ไม่ได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พบชีวิตหรูหราฟู่ฟ่า ขายเบียร์ใส่รถกันเป็นลังๆ อีกด้านขุดกันไปถึงคดียักยอกปี’61” ซึ่งเป็นพาดหัวค่อนข้างรุนแรงนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กรณีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นายพงศธรได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนเพื่อดำเนินธุรกิจนี้จริง แต่การประกอบธุรกิจดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่นำไปสู่การปันผลจนถึงปัจจุบัน เมื่อไม่ได้รับปันผลจึงไม่เคยต้องไปยื่นเสียภาษีในกรณีนี้ เนื่องจากรายได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ได้จากตำแหน่งผู้ชำนาญการ ส.ส.เท่านั้น

“ประเด็นต่อมา คดีความที่คุณโยเคยถูกแจ้งความร้องทุกข์ในคดียักยอกทรัพย์ ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏอยู่ชัดเจนแล้วว่าสุดท้ายตำรวจมีความเห็น “สั่งไม่ฟ้อง” คุณโยจึงยังมีคุณสมบัติครบถ้วน ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ขอยืนยันต่อสื่อมวลชนว่าเราเข้าใจดีในการตรวจสอบ และเราก็ยินดีที่พี่น้องสื่อมวลชน พี่น้องประชาชนจะตรวจสอบพวกเรา เพราะถือเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่สำคัญที่จะทำให้เกิดการเมืองที่มีความโปร่งใส แต่เมื่อพิจารณาจากพาดหัวข่าวและประเด็นที่มีการโจมตี ต้องเรียนว่าเกินเลยจากข้อเท็จจริงไปมาก” นายรังสิมันต์กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวด้วยว่า ดังนั้น สุดท้ายคงคิดเป็นอื่นไม่ได้ว่าคงจะมีกลุ่มบุคคลหรือใครบางคนหวังใช้ข้อเท็จจริงเหล่านี้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองจากการดิสเครดิตนี้ จึงขอฝากว่าอย่าทำเลย มาสู้กันเพื่อเอาชนะใจประชาชน ดีกว่าจะมาใช้การสาดโคลนดิสเครดิตทางการเมืองกัน

ขณะที่ นายพงศธรกล่าวว่า มีประชาชนติดต่อสอบถามเข้ามาจำนวนมาก แต่ตนยังมีกำลังใจดี ไม่หวั่นไหว หรือกังวลต่อกรณีดังกล่าว เชื่อว่าทุกวันนี้ประชาชนทุกคนมีวุฒิภาวะแยกแยะข้อเท็จจริงได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *