23 ตุลาคม 2024

กรณีของ ดวงฤทธิ์ บุนนาค ต้องถือว่าเป็นกระแสที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับปฏิกิริยาของสังคม

ยิ่งเจอจดหมายเปิดใจที่ถือว่าสร้างกระแสสร้างพลังได้เป็นอย่างดี

สังคมขานรับกันอย่างเต็มที่ ลองอ่านซ้ำกันอีกที แล้วจะเข้าใจ

จดหมายจาก ดวงฤทธิ์ บุนนาค

เหตุผลในการลงมือทำสิ่งนี้ ก็เพียงเพื่อให้ตัวผมยังเท่ากับคำพูดของผม

ผมไม่ได้ทำสิ่งนี้มาจากจุดยืนทางการเมือง หรือความแค้นเคืองใดๆ ผมต้องการแสดงออกเพื่อรักษาไว้ เป็นอิสรภาพในการเป็น อิสรภาพในการแสดงออกของผม (Freedom To Be, Freedom To Act) ผมได้พูดในสิ่งที่ผมเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่ามันจะเกิดขึ้น เพียงเพราะว่าผมอยากให้มันเกิดขึ้น และเมื่อมันไม่ได้เกิดขึ้นในวิธีที่ผมคาดหวัง ผมเองก็ผิดหวังเช่นเดียวกับผู้คนทั้งหลายเช่นกัน

ในวิธีที่ผมมีอิสระในการแสดงออก และการแสดงออกของผมมีผลกระทบกับผู้คน หลายคนที่ตัดสินใจลงมือทำ บางอย่างอันมีเหตุมาจากสิ่งที่ผมพูด เชื่อว่ามันจะเป็นจริง เมื่อมันไม่ได้เป็นจริงเช่นนั้น ผมก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมได้พูดออกไป ในเงื่อนไขที่ผมสร้าง

ด้วยคำพูดที่ผมพูด ผมจึงต้องลงมือทำให้สอดคล้องกับคำพูดนั้น ในวิธีที่ยังทำให้ตัวผมยังคงอยู่ใต้ในฐานะคำพูดของผม เป็นวิธีเดียวที่ยังทำให้ผมยังมีอิสระในคนที่ผมเป็นอยู่ได้

ทุกคนที่ได้เข้ามาร่วมช่วยเหลือผมในการแสดงออกของผมในครั้งนี้ ล้วนได้ทำความเข้าใจอย่างชัดเจนในเหตุของการลงมือทำในครั้งนี้ มิได้มีเหตุมาจากการเมือง หรือความไม่พอใจใดๆ ทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงออกนี้ ด้วยเหตุเดียวคือต้องการสนับสนุนผม เพื่ออิสรภาพในการ “เป็น” ของผม อิสรภาพในการแสดงออกของผม
และต้องการให้ผมยังคงอยู่ในฐานะคำพูดของผม

ผมขอบคุณในความเข้าใจ และความห่วงใยที่ทุกคนมีให้ และขอบคุณในความเข้าใจของผู้คนที่อยู่รอบตัวผม ที่สนับสนุนการแสดงออกของผมในครั้งนี้ ด้วยความเข้าใจในความสำคัญของคำพูดที่มีต่อตัวผม และความสำคัญของคำพูดของผมที่ก่อกำเนิดอยู่ในใจของผู้คน

การแสดงออกของผมในครั้งนี้ไม่ใช่การจำนนต่อสถานการณ์ แต่เป็นการแสดงออกด้วยยินดี ในวิธีที่ผมจะได้ลงมือทำสอดคล้องกับคำพูดของผม และจะทำให้ผมกลับมาเป็นตัวผมที่ครบถ้วนสมบูรณ์อีกครั้ง

และยังคงไว้ซึ่งอิสรภาพที่เป็น อิสรภาพที่จะทำ ในคนที่ผมเป็น และนั่นเป็นสิ่งเดียวที่สำคัญ สิ่งเดียวที่ประสงค์ในเจตจำนงเสรีของชีวิต

ดวงฤทธิ์
2 กันยายน 2566

เรื่องของสัจจะวาจาและการรักษาคำมั่นสัญญาในคำพูดของตัวเอง คนที่ไม่เคยมีสัจจะวาจาย่อมไม่มีทางเข้าใจ

แต่เรื่องนี้น่าจะเป็นกระจกเงาสะท้อนให้คนหลายๆกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่แสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง ควรตระหนักว่าสังคมให้ความสำคัญต่อการรักษาสัญญา และรับไม่ได้กับการตระบัดสัตย์เพียงใด

วันนี้อาจจะยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน

แต่เชื่อเถอะเลือกตั้งครั้งหน้ามีอะไรให้ตะลึงตึงตึงแน่นอน

อัคคี กัมปนาท

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *