23 ตุลาคม 2024

ใครที่คิดนโยบายในเรื่องแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการออกเป็น 2 งวด ชัดเจนว่าเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน คนชั้นกลาง ข้าราชการและผู้ที่เดือดร้อน เลยสักนิด

สักแต่คิดมโนเอาเองในห้องสี่เหลี่ยมด้วยสมองสี่เหลี่ยม

สาเหตุที่ไม่ว่าประชาชนหรือข้าราชการชั้นผู้น้อยต้องกู้เงินมาใช้จ่าย เพื่อประคับประคองให้รอดพ้นไปเดือนชนเดือน ก็เพราะรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ไม่ใช่ว่าจัดสรรหรือแบ่งเงินสำหรับใช้จ่ายไม่เป็น

ย้ำ แบ่งเป็น แต่ไม่มีเงินเพียงพอให้แบ่ง

ถ้ายังดันทุรังจะแบ่งจ่ายเป็น 2 งวด สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือจะยิ่งทำให้เกิดความจำเป็นต้องกู้หนี้ยืมสินมากขึ้น เพราะรายจ่ายช่วงต้นเดือนคือภาระหนัก

ยกตัวอย่างง่ายๆให้คนที่คิดอะไรเฟอะฟะ คิดแต่จะจั่วไพ่สร้างกระแสได้รู้เอาไว้ เอาคนที่มีเงินเดือนระดับ 20,000 บาท เลยว่าอยู่ยากแค่ไหน เพราะถ้าระดับเงินเดือนเท่านี้อยู่ไม่ได้ แปลว่าเงินเดือนต่ำกว่านี้ยิ่งอยู่ไม่ได้

ต้นเดือนสิ่งต้องจ่ายอย่างแรกคือค่าบ้าน เอาว่าผ่อนอย่างต่ำๆหรือเช่าแบบถูกๆ ก็ต้องมี 3,500 บาทขึ้น ตามด้วยต้องจ่ายค่าไฟฟ้า ที่ตั้งแต่สมัยรัฐบาลประยุทธ์ มาจนถึงขณะนี้ โรงไฟฟ้ากลายเป็นเสือนอนกินจนพุงปลิ้น

คิดคร่าวๆจ่ายค่าไฟฟ้าอีก 1,000 บาท ค่าน้ำประปาอีก 200-300 บาท ค่าโทรศัพท์ค่าอินเตอร์เน็ตอีก 300 บาท แค่ตรงนี้จ่ายไปแล้วมากกว่า 5,000 บาท

วันที่ 1 ถึงวันที่ 15 ที่ต้องไปทำงานและกิน เอาง่ายๆกินแบบประหยัดมื้อละ 60 บาท ซึ่งจริงๆทำได้ยากมากเพราะวันนี้ต้องบอกว่า ช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมาราคาอาหารตามสั่งแม้แต่ริมถนนก็หากินลำบาก ข้าวแกงหรืออาหารตามสั่ง 1 จาน หรือก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม กับน้ำเปล่า 1 ขวด บอกได้เลยว่า 60 บาทไม่ง่ายเลยที่จะหา ฉะนั้น ตีว่าวันละ 200 บาท คิดแค่ครึ่งเดือนแรก 15 วัน ก็ต้องจ่ายค่าอาหาร 3,000 บาทแล้ว ขนม กาแฟ อะไรต่างๆไม่ต้องกินเลยนะ

บวกค่าเดินทางไปทำงาน ซึ่งจริงๆแล้วสุดโหด รถเมล์ร้อน 8 บาทลืมไปเลย เพราะเหลือน้อยเต็มที ตอนนี้ปรับมาเป็นรถเมล์แอร์สีฟ้าสีน้ำเงิน เริ่มต้นก็ 15 บาท ส่วนรถไฟฟ้า 20 บาท ฝันค้างไปก่อนเพราะยังมาไม่ถึง แต่ที่ถึงแน่ๆ คือ 40 กว่าบาท ยิ่งถ้าเข้าซอยต้องใช้มอเตอร์ไซค์รับจ้างยิ่งไม่ต้องพูดเลย เดี๋ยวนี้เริ่มต้น 10 บาทแทบไม่มีให้เห็นแล้ว สรุปคือถ้าคิดตามจริง พวกหัวสมองกลวงจะยิ่งหน้าแตก ฉะนั้นคิดเหมาจ่ายแค่ไปกลับวันละ 150 บาทก็พอ ก็คือมีค่าเดินทางต้องจ่ายอีก 2,250 บาท

ถ้าซื้อรถเงินผ่อนก็ต้องมีค่าผ่อนรถ ซึ่งถ้าไม่รู้ก็รู้ไว้ ตอนนี้มีรถติดไฟแนนซ์ถูกยึดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งค่าผ่อนรถคือภาระอีกตัวที่เกิดตอนต้นเดือน

เมื่อมีรถก็ต้องมีค่าน้ำมันอีก ซึ่งราคาน้ำมันที่อิงราคาสิงคโปร์มายาวนานไม่ยอมเปลี่ยนแปลง เพราะอะไรใครได้ประโยชน์ นักการเมืองใหญ่รู้ดี

นี่คือรายจ่ายหลักๆที่จำเป็นต้องจ่ายในช่วงต้นเดือนช่วงสัปดาห์แรก ซึ่งเงินเดือน 20,000 บาท ได้มาก่อนครึ่งเดียวคือ 10,000 บาท เห็นชัดๆว่าติดลบกันตั้งแต่ครึ่งเดือนแรกแล้ว ขนาดยังไม่นับรายจ่ายพวกเสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน หรือแม้แต่พักผ่อนหย่อนใจให้หายเครียดเลยนะ

นี่ยังไม่ได้รวมว่ามีลูกเมีย มีพ่อแม่ที่ต้องดูแล เพราะถ้ามี รับรองได้ว่า เงินหมดตั้งแต่ 5 วันแรก แล้วก็ต้องกู้เพื่อประคองตัวให้รอด รอเงินเดือนงวดที่สองอีก 10,000 บาทที่เหลือ พอได้งวดครึ่งเดือนหลังมา ก็ต้องรีบใช้หนี้ที่ยืมมาใช้ช่วงต้นเดือนก่อน แปลว่าวงจรเป็นหนี้เพิ่มหนักขึ้น เพราะกลายเป็นต้องกู้ 2 รอบ วนไปเป็นวงจรหนี้อุบาทว์มากขึ้น

ส่วนข้าราชการที่มีเงินเดือนมากกว่า 20,000 บาท ที่ประคองตัวได้ ก็เสียประโยชน์เต็มๆจากแนวคิดปัญญาอ่อนนี้ เพราะเงินเดือนที่เข้าทั้งเดือน แปลว่าดอกเบี้ยเงินฝากจากเงินเดือนเต็มจำนวนที่เคยเริ่มเกิดตั้งแต่ต้นเดือน ซึ่งดอกเบี้ยแม้จะน้อยมาก แต่ได้ก็ยังดีกว่าไม่ได้ แต่หากแบ่งจ่าย แปลว่าดอกเบี้ยที่ได้จะลดลง เพราะดอกเบี้ยจากเงินเดือนครึ่งหลังไม่ได้เกิดในช่วงต้นเดือนเหมือนก่อนแล้ว

นี่คือชีวิตจริงของข้าราชการ ของคนที่มีรายได้ไม่พอเพียงกับรายจ่าย และต้องวนเวียนอยู่ในวงจรของการกู้ยืม ฉะนั้นคนที่คิดนโยบายสะตึๆ จงได้รับรู้เอาไว้ด้วยว่า ที่คิดออกมานั้น เป็นสิ่งที่กลวงสุดๆ ทั้งสมองและทั้งวิธีคิด

แต่ถ้าจะฝืนทำจริงๆ และคิดว่าดีเลิศประเสริฐศรีจริงๆ ขอให้เริ่มทำเฉพาะเงินเดือนคณะรัฐมนตรี เงินเดือนข้าราชการการเมือง เงินเดือนสว. เงินเดือนส.ส. พ่วงกับพวกญาติโกโหติกาที่เอาเข้ามากินตำแหน่งเลขา เป็นที่ปรึกษา เป็นผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งบรรดาผบ.เหล่าทัพทั้งหลาย บรรดาปลัดกระทรวง อธิบดี ทั้งหลายก่อนเลย

ถ้าจะให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยอยู่ได้โดยไม่ไปก่อหนี้ ไปกู้ยืม ไปโดนขูดรีดจากหนี้นอกระบบ สิ่งเดียวคือการเพิ่มรายได้ให้กับพวกเขา ไม่ใช่มาแบ่งจ่าย ราวกับว่าพวกเขาไม่มีวินัยในการใช้เงิน

ไอ้คนที่ไม่มีวินัยในการใช้เงิน ดีแต่กู้ จนหนี้สาธารณะเพิ่มพรวดๆ ก็คือรัฐบาลประยุทธ์ ที่พ้นจากอำนาจ โดยทิ้งขยะไว้ใต้พรมมากมาย

ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลเศรษฐาควรทำ คือการรักษาสัจจะวาจาที่ได้หาเสียงเอาไว้ว่าจะยกระดับค่าแรงขั้นต่ำ ว่าจะเพิ่มเงินเดือนระดับปริญญาตรี ว่าจะลดค่าใช้จ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าเดินทาง เอาสมองไปคิดทำให้ได้ ดีกว่าที่จะมาโชว์โง่แบ่งเงินเดือนเป็น 2 งวด ว่านี่คือวิธีการช่วยเหลือ ถ้าคิดได้แค่นี้ก็ออกไปเถอะ

หรือไม่เช่นนั้น ก็เปิดความจริงมาเลยว่า ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ต้องคิดแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ เป็นเพราะรัฐบาลถังแตก ผลจากฝีมือของรัฐบาลที่ผ่านมา

อัคคี กัมปนาท

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *