ต่างชาติมองเงินบาทร่วงได้อีกส่อต่ำสุดในรอบ 17 ปี

ธนาคารอาร์บีซี แคปปิตอล มาร์เก็ต (RBC Capital Markets) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินด้านการลงทุนชื่อดังในประเทศสิงคโปร์ โดยหัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงมีแรงกดดันจากปัจจัยหลายด้าน เตือนว่าค่าเงินบาทจะร่วงอ่อนค่าลงอีก จึงปรับการคาดการณ์ใหม่จากเดิมที่ก่อนหน้านี้เคยมองว่าจะร่วงแตะ 37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐในช่วงสิ้นปีนี้ มาเป็น 38.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าค่าเงินบาทร่วงต่อเนื่องถึงระดับดังกล่าว จะกลายเป็นค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่มิถุนายนปี 2006 หรือในรอบ 17 ปี 3 เดือน

ก่อนหน้านึ้ เมื่อวันที่ 20 กันยายนผ่านมา ธนาคารอาร์บีซี แคปปิตอล มาร์เก็ต เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐถูกเทขายอย่างหนานาลงมาเคลื่อนไหวต่ำสุดระหว่างวันเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ระดับ 36.34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติค่าเงินบาทที่อ่อนค่าตกต่ำมากที่สุดในรอบ 10 เดือนกว่า หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2022 ที่สำคัญ เงินบาทกลายเป็นสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนย่ำแย่มากที่สุดในเอเชีย นอกจากนึ้ จากปัจจัยที่มีผลกระทบต่อค่าเงินบาท จะทำให้เงินบาทมีแนวโน้มร่วงลงแตะระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงสิ้นปีนี้

สาเหตุที่ทำให้ค่าเงินบาทร่วงลงอย่างต่อเนื่องมาจากนักลงทุนต่างประเทศกังวลต่อสถานะการคลังของรัฐบาลในอนาคต ท่ามกลางสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกลับมามีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศสั่งซื้อนำเข้าน้ำมันดิบสุทธิจากต่างประเทศ รวมถึงแนวโน้มการกู้ยืมของรัฐบาลเพื่อนำเงินมาสนับสนุนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยที่เผชิญกับปัจจัยลบหลายอย่าง

กองทุนต่างประเทศตัดสินใจขายเงินลงทุนทั้งในตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง พบว่านักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน สอดคล้องกับ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิเงินลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทย เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

นายอัลวิน ตัน หัวหน้าสายงานตลาดอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ อาร์บีซี แคปปิตอล มาร์เก็ต เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทมีแนวโน้มชัดเจนมากที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งได้รับปัจจัยลบกดดันรวมกันทั้งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าต่อเนื่อง ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่อยู่ในวงจรขาขึ้น และสภาพเศรษฐกิจในประเทศไทยที่ชะลอตัวต่อเนื่อง