24 ตุลาคม 2024

‘โรม’ ข้องใจ! ไหนว่าเรือดำน้ำสำคัญ แล้วทำไมเปลี่ยนใจเป็นซื้อเรือฟริเกตแทน

0

วันที่ 21 ตุลาคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกองทัพเรือจะเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อเรือดำน้ำจากจีน เป็นการซื้อเรือฟริเกต มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาทแทน โดยต้องจ่ายเงินส่วนต่างจากที่เคยจ่ายค่าเรือดำน้ำไปบางส่วนแล้ว สามารถดำเนินการได้หรือไม่ ว่า คงต้องตรวจสอบ ปกติตามหลักสัญญาต้องพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย ยังไม่ทราบว่าสุดท้ายทางฝ่ายจีนจะว่าอย่างไร

“กรณีเรือดำน้ำครั้งนี้ทางฝ่ายจีนผิดสัญญา แล้วทำไม ทร.ถึงไปยอม อันนี้คือสิ่งที่คิดว่าสังคมไทยไม่สามารถเข้าใจได้ ทำไมถึงไปยอมเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น จริงๆ แล้วในเมื่อผิดสัญญา ฝ่ายจีนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบด้วยซ้ำไป ดังนั้นเรื่องนี้ทางการจีนจะรับผิดชอบอย่างไรกับการที่ผิดสัญญา”

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ประการที่สอง ต้องพิจารณาด้วยว่าประเทศไทยมีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องเพิ่มเรือฟริเกต หรือเพราะมีเรื่องของเงื่อนไขเรือดำน้ำที่อาจได้เครื่องยนต์ไม่ได้คุณภาพอย่างที่ต้องการ เลยใช้โอกาสนี้จะไปซื้อเรือฟริเกต ถ้าเป็นแบบนั้นคิดว่าเป็นลิงแก้แห ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริงๆ ถ้าอยากได้เรือฟริเกตจริงๆ อาจมีเรือฟริเกตจากที่อื่นที่ดีกว่าจีนหรือไม่ หรือแม้กระทั่งอาจจะใช้โอกาสนี้สนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศที่อาจต่อเรือฟริเกตของไทยเองขึ้นมาก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ กลายเป็นว่านายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ทร.จะแค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยไม่ได้สนใจว่าจะใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างไม่คุ้มค่าขนาดไหน สุดท้ายยังวนเวียนอยู่กับการซื้ออาวุธแบบที่ไม่สามารถตอบคำถามสังคมได้ว่าตกลงแล้วประเทศได้อะไรจากเรื่องนี้

ส่วนการที่รัฐมนตรีกลาโหมระบุในหลักการสามารถทำได้ รอเพียงการหารือกับทางการจีนก่อน จะขัดต่อกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง และมีผลต่อการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่มีผลผูกพันในอนาคตหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คิดว่าเบื้องต้นถ้าสมมุติจะทำต้องตั้งงบ เข้าใจว่าคงจะยังไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ คงต้องใช้ในเรื่องของงบประมาณที่กำลังทำกันอยู่มาดำเนินการ แต่ปัญหาคือ ต้องไปเช็กข้อกฎหมายอื่นๆ ด้วย

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวด้วยว่า และสุดท้ายไม่ใช่แค่ว่าทำตามสัญญาหรือไม่ แต่ทำแบบนี้ฝ่ายไทยเสียเปรียบ คือตกลงคุณอยากได้อะไร ที่ผ่านมากองทัพเรือบอกว่า เรือดำน้ำมีความจำเป็น วันนี้ไม่เอาเรือดำน้ำแล้ว วันนี้บอกว่าต้องเป็นอย่างอื่น ตกลงคือพูดง่ายๆ คือ ปัญหาคืออะไร คือเรือดำน้ำมีความจำเป็น หรือสุดท้ายต้องมีอาวุธจากประเทศจีนเป็นความจำเป็น จะอะไรก็ได้กันแน่ ดังนั้นต้องเคลียร์ให้ชัดตั้งแต่ตรงนี้ก่อน เมื่อฝ่ายจีนผิดสัญญา ทำสัญญาอะไรทุกอย่างไปหมดแล้ว เขาจะแก้ไขอย่างไร ถ้าไม่แก้ไข เรายกเลิกสัญญา หรือเปลี่ยนแปลงสัญญาเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่

นายรังสิมันต์กล่าวว่า สมมุติว่าถ้าต้องซื้อเรือดำน้ำจริงๆ ไปซื้อจากที่อื่นได้หรือไม่ หรือสุดท้ายถ้ากลับมาทบทวนแล้ว เรือดำน้ำไม่มีความจำเป็นต่อประเทศเลย ส่วนตัวคิดว่าเรือดำน้ำยังไม่ใช่วาระสำคัญที่จะต้องมีในตอนนี้ เพราะประเทศกำลังเผชิญหน้ากับภัยอย่างอื่นมากกว่า อาจจะเอาเงินงบประมาณตรงนี้ไปทำอย่างอื่นดีกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คิดว่าอยากให้ทั้งกองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม มองภาพให้กว้างกว่านี้

“คุณสุทิน เข้าใจว่าพอไปอยู่ตรงนั้น อาจจะเป็นตัวตนแบบเดิมไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าก็น่าจะทราบ เราเองก็เคยร่วมงานกันมา ก็น่าจะทราบว่าถ้าเรามองภาพให้กว้าง วันนี้โจทย์ในเรื่องเรือดำน้ำอาจจะไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ของประเทศของเรา” นายรังสิมันต์กล่าว

กรณีนี้จะถึงขั้นส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า คงต้องดูพยานหลักฐาน ดูข้อเท็จจริง ดูข้อมูล ถ้ามีการทุจริตเกิดขึ้นก็ไม่ปิดหนทาง เป็นไปได้ที่จะต้องมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นมาดู แต่ต้องไปดูรายละเอียดก่อน โดยต้องพยายามให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนว่าจะเป็นประเด็นหนึ่งที่จะยื่นอภิปรายตรวจสอบรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขอรอดูข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนดีกว่า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *