24 ตุลาคม 2024

วันที่ 1 กรกฏาคม พุทธศักราช 2518 เป็นวันที่พณฯนายโจว เอิน ไหล นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาชนจีน ลงนามในเอกสารการเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยกับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่กรุงปักกิ่ง ด้วยการสยบปัญหาการคุกคามของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง คือ เวียดนามเหนือ ที่ประกาศจะบุกกรุงเทพฯภายใน 2 ชั่วโมง

ด้วยความชาญฉลาด และบุคลากรมากความสามรถของผู้นำรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศ จึงทำให้ประเทศไทยและจีนสานสัมพันธ์อันดีต่อกันเสมอมา นอกจากนั้นเรากับจีนก็ยังทำมาค้าขายกันแลกเปลี่ยนซื้อขายไปมาหาสู่กันได้อย่างเสรีไร้พรมแดน

ปัญหาที่ประเทศไทยวิตกกังวลใจในเรื่องความมั่นคงก็หมดสิ้นไป โดยเวียดนามเหนือที่คิดจะรุกรานไทยก็ถูกจีนทำสงครามสั่งสอน เข็ดหลาบราบคาบไปไม่กล้าหืออืออีก

ความสัมพันธ์ทางการค้า และทางการทูต ราบรื่นต่อเนื่องกันมาอย่างยาวนานจวบจนปัจจุบัน

ก่อนสถานการณ์โควิคระบาด ยอดนักท่องเที่ยวชาวจีนมากมาย แทบจะกล่าวได้ว่าหันไปทางไหนมีแต่คนจีนเดินเกลื่อนเมืองไทยทีเดียว ในขณะเดียวกัน ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว กัมพูชา เมียนมา ทุนจีนเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศเหล่านั้นอย่างครึกโครม

แต่อย่างว่าแหละ เมื่อมีคนดีย่อมต้องมีคนไม่ดีเข้ามาปะปนอยู่ด้วย การระดมทุนมาทำการค้าของคนจีนในประเทศเพื่อนบ้านก็หนีไม่พ้นที่จะมีคนไม่ดีแทรกตัวมาด้วยเช่นกัน โดยมาลงทุนในสถานบันเทิง บ่อนคาสิโน และกลุ่มที่แฝงตัวเงียบเชียบที่สุด คือ กลุ่มมิจฉาชีพ ใช้วิทยาการเครื่องมือสื่อสาร เช่น อินเตอร์เน็ต มือถือ คอมพิวเตอร์ มาซุ่มซ่อน และใช้ข้อมูลทางการเงินมาทำการทุจริต ดูดเงินของคนรู้ไม่เท่าทัน เอาเงินเข้ากระเป๋า

นอกจากไปปฏิบัติการในแถบชายแดนประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ยังเหิมเกริมเข้ามาฝังตัวในใจกลางกรุงเทพฯ จนในที่สุดประชาชนตกเป็นเหยื่อมากขึ้น ทางเจ้าหน้าที่จึงเร่งปราบปราม สามารถยึดทรัพย์ ทั้งที่เป็นเงินสดในบัญชีต่างๆ และทรัพย์สินอื่นๆ เช่นบ้านพร้อมที่ดิน รถหรูราคาแพงๆ เครื่องทองเพชรรูปพรรณอื่นๆอีกมากมาย เมื่อมีการจับกุมขยายผล และลงข่าวในสื่อไปแล้ว มีสื่อบางสื่อถึงกับเรียกมิจฉาชีพเหล่านี้ว่า “กลุ่มจีนเทา”

แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูง ตำรวจก็ไปเรียกแก็งเหล่านี้ว่า “จีนเทา”ด้วย ท่านไพศาล พืชมงคล ได้รับทราบจากทางประเทศจีนว่าทางการจีนไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามเร่งปราบปรามกลุ่มบุคคลมิจฉาชีพเหล่านี้อย่างเด็ดขาด จับตัวได้ถึงขั้นนำไปประหารชีวิตเลยทีเดียว

แต่ท่านไพศาล พืชมงคล กระซิบว่า การที่เอ่ยถึงคำว่า “จีนเทา” เป็นเรื่องแสลงหูประเทศจีนมาก เขามีความรู้สึกไม่สบายใจที่ประเทศไทยไปใช้คำว่า “จีนเทา”

เรื่องนี้เห็นว่า คำนิยามที่ไปเรียกมิจฉาชีพนี้ว่า “จีนเทา” นั้น ไม่น่าที่จะพูดกัน ขอให้เปลี่ยนไปเรียกว่า “อั้งยี่ซ่องโจร” จะดีกว่า

อยากเรียกร้องให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยเฉพาะผู้บริหารระดับรัฐมนตรี และผู้ว่าการท่องเที่ยวฯ ไปเร่งทำความเข้าใจกับทางการจีนเสีย รวมทั้งเปลี่ยนคำพูดว่า “จีนเทา”เป็น “อั้งยี่” แทนจะดีกว่าไหม

ไม่ใช่เป็นการเอาอกเอาใจใคร แต่ให้คิดถึงความสัมพันธ์ทางการทูตอันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน ที่ได้สานสัมพันธ์กันมาอย่างราบรื่น อย่าให้มาสะดุดหยุดลงจนเป็นประเด็นให้เกิดความหมางเมินกันเลย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *