“พายัพ”เผย“ภูมิธรรม”ห่วงน้ำต้นทุนน้อยหวั่นใจผลผลิตข้าวตกต่ำ

แนะหน่วยงานบริหารจัดการน้ำบูรณาการดูแลน้ำย้ำทั้งระบบใช้งบประมาณเกิดประโยชน์สูงสุด

นายพายัพ ปั้นเกตุที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีนายภูมิธรรม เวชยชัย เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ2567 สทนช.หรือสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติซึ่งกำกับดูแลน้ำทั้งระบบของประเทศจำนวน 50,000กว่าล้านบาท เป็นของกรมชลประทาน รวมงบใช้จ่ายประจำด้วยมี80,000กว่าล้านบาทและเป็นงบกรมน้ำ เช่นกรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมฝนหลวง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อีกจำนวนหนึ่ง ปัญหาสำคัญคือการใช้จ่ายงบประมาณจะต้องมีประสิทธิภาพสนองต่อความต้องการใช้น้ำเพื่อนเกษตรกรรมและการผลิตที่เพียงพอต่อการตอบสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศในปี2567และ2568ด้วย

นายพายัพ กล่าวด้วยว่า จากการหารือร่วกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีความกังวลใจว่า  ขณะนี้ตลาดโลกมีความต้องการข้าวจากประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางไปต่างประเทศเพื่อขายสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม รวมทั้งชักชวนนักลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุนในบ้านเรา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าพอใจมากคือมีหลายประเทศในเอเซียและยุโรปต่างมีความประสงค์ที่จะสั่งสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะข้าว ตอนนี้มีมากกว่าสองล้านตันแล้ว ส่งผลดีต่อราคาข้าวภายในประเทศขยับตัวสูงขึ้นจากตันละ7-9,000บาท ขยับเป็น11,000-12,500บาท/ตันตามสภาพความชื้น กอปรกับเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยวข้าวนาปีด้วย

“แต่ที่น่าวิตกกังวลมากตอนนี้แทนที่เคยเป็นราคาข้าว แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะปัญหาไปตกที่ผลผลิตข้าวในประเทศอาจมีปริมาณน้อยลง เพราปัญหาน้ำต้นทุนปีนี้เราน้อย กอปรกับมีปัญหาเอลนีโญ ซึ่งประเทศไทยเราก็ประสพปัญหานี้ด้วย จะเห็นได้ว่าปริมาณน้ำในแหล่งน้ำทั่วประเทศลดลงโดยเฉพาะภาคกลางลุ่มเจ้าพระยาซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศปีนี้ก็ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนลดลงทุกวัน อาจจะกระทบต่อผลผลิตข้าวนาปรังด้วยซ้ำไป  ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้วันนี้คือต้องใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ รวมถึงงบประมาณแผ่นดินปี2567-2568 งบกลาง งบฉุกเฉิน จะต้องบูรณาการณ์การใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สอดคล้องกับการผลิตและการตลาดโดยเฉพาะตลาดโลกที่สนใจข้าวไทยและมีออเดอร์มากขึ้นด้วย”นายพายัพ กล่าวในที่สุด