นโยบายกระทรวงศึกษาธิการจะไปทางไหน
งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปในวาระแรก บ่งชี้ว่ายอดเงินที่รัฐบาลจัดสรรให้แก่กระทรวงศึกษาธิการอยู่ในระดับต้น ๆ ของหมวดการจัดสรรในปีนี้
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตอบข้อซักถามในสภาถึงนโยบายทางการศึกษา ว่า ลำดับแรกต้องมีการปฏิรูปทางการศึกษา ให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทั้งในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ก่อให้เกิดการวิจัยข้ันแนวหน้า ท้ังด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ต่อยอดเทคโนโลยี ให้มีการศึกษาประวัติศาสตร์ และปลูกฝังความรักชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์
ฟังนโยบายก็ดูสวยหรูดี แต่ในปัจจุบันท่านทราบหรือไม่ว่าหลักสูตรการเรียนการสอนนั้น บรรดาครูที่ได้รับนโยบายจากเบื้องบนนั้น ส่วนใหญ่ก็เอามาจาก บริษัท ห้าง ร้านที่ไปเปิดกันขึ้นผลิตสื่อการเรียนการสอน แล้ววิ่งเต้นกับบุคคลในกระทรวงศึกษาธิการ ใช้ Connection ขายผลิตสื่อไปให้กระทรวงศึกษาธิการ นำมาเป็นหลักสูตรในการเรียนการสอน
ขณะที่ครูก็มีการวัดมาตรฐานทางการศึกษา โดยการให้ท่านรายงานและเสนอต่อกระทรวง ทำกันหลังขดหลังแข็ง แต่ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นเล่นพรรคเล่นพวก จุดหมายปลายทางไม่แน่ชัด ไม่เที่ยงตรง จึงไม่มีความก้าวหน้าในระบบการศึกษา
พอเปลี่ยนรัฐมนตรีที นโยบายก็เปลี่ยนไปเรื่อย
ข่าวที่ได้มาคือ มีการขอข้ันให้ครู วิ่งเต้นใช้เส้นสาย ในขณะที่ครูอีกส่วนหนึ่งก็ขาดสมาธิในการสอน เพราะครูมีหนี้สินเป็นเอ็นพีแอล หนี้สินล้นพ้นตัว หน่วยงานที่ครูพึ่งพาได้ก็มีเพียงสหกรณ์ครูซึ่งปลดหนี้สินได้บางส่วนเท่านั้น
ในขณะที่ครูบนดอยก็ยังขาดแคลน ที่วิ่งสอนกันอยู่ก็นับว่าน้อยมาก เงินตอบแทนก็กระท่อนกระแท่น แม้กระทั่งอาหารการกินของตัวเองก็ต้องกระเบียดกระเสียร เขาเหล่านั้น ถือว่าเป็นหน่วยกล้าตาย ที่จะผดุงการศึกษาของปกติ แต่ต้องอยู่อย่างทุรนทุราย
บุคลากรทางการศึกษาที่กระปลกกระเปลี้ยเช่นนี้ เราจะคาดหวังอะไรได้จากเยาวชนของเรา ซึ่งดูแล้วน่าจะด้อยคุณภาพ
การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเรียนการสอนภาษาไทย เพราะฉะนั้น ต้องกำหนดนโยบายให้ชัดเจนและเข้มงวด จริงจังต่อการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ
งบประมาณพันล้านแสนล้านที่ประเทศไทยต้องทุ่มเทไปให้กับกระทรวงศึกษาธิการ ต้องบริหารให้ก่อเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด การขยายเขตการศึกษา เพิ่มบุคลากร แต่ไม่ได้เพิ่มความรู้ และสร้างมาตรฐานให้บุคลากรทางการศึกษา ไม่ให้สร้างขวัญและกำลังใจ
การศึกษาของประเทศเราคงไม่ไปถึงไหน ยังคงรั้งท้ายของประเทศกลุ่มอาเซียนในอนาคตอย่างแน่นอน