24 ตุลาคม 2024

‘อาณาจักรโล่เงิน’ ทรุด.. วัดกึ๋น ‘บิ๊กต่อ’ กู้ศรัทธา

0

นับแต่เกิดเหตุตำรวจโรงพักอรัญประเทศ จ.สระแก้ว จับแพะคดีฆ่าน.ส.บัวผัน เพียงเพื่อปิดคดีเร็ว หรือหวังช่วยลูกตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องหา สุดจะคาดเดา

แต่ได้ฉุดภาพลักษณ์องค์กรตำรวจที่ไร้เครดิตอยู่แล้ว ให้ติดลบหนักกว่าเดิม

ยิ่งเห็นผลคดีที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตั้งกรรมการสอบสวนหาตำรวจที่ทำผิด อดสงสัยไม่ได้ว่า สอบเพื่อช่วยเหลือกัน และสอบเพื่อปกปิดอาการเน่าในไร้ถึงศักยภาพในการทำงานของตำรวจยุคปัจจุบันหรือเปล่า

เพราะผลสอบออกมา แค่ตำรวจ 2 นายทำผิดวินัย และแจ้งข้อหาเพิ่มตามมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ส่วนผกก.หัวหน้าโรงพัก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ไม่แน่ใจว่า พล.ต.อ.ต่อศักด์ จะคาดโทษอย่างไร เพราะวินัยตำรวจระบุว่าลูกน้องทำผิดนายต้องรับผิดชอบด้วย

ผลคดีแต่ละคดีจะลงเอยแบบไหน 5 โจ๋ติดคุกกี่ปี ตำรวจที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ ผู้บัญชาการ(ผบช.) ยันชั้นประทวนโรงพักอรัญประเทศ จะถูกดำเนินการคดีอาญา มีความผิดวินัยหรือไม่ คงต้องรอดูว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะสั่งจัดการแบบเด็ดขาด หรือปล่อยผ่านให้กาลเวลาลบความทรงจำออกไปเอง

แต่จากผลพวงดังกล่าว ได้สะท้อนให้เห็นศักยภาพของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ในฐานะผู้นำองค์กรไม่กระฉับกระเฉงพอ ที่จะทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจได้

เพราะนับแต่เกิดเหตุมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไม่ได้มีแนวคิดที่จะตั้งวงสนทนา ระดมกึ๋นบิ๊กตำรวจเพื่อวางแนวทางยกเครื่องการทำงานตั้งแต่ระดับโรงพักยันกองบัญชาการ(บช.)เลย

มีแต่คำอ้างว่าปีที่แล้วเอาตำรวจออกไปกว่า 300 นาย และในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ครั้งหน้า จะมีคำสั่งให้ออกอีกกว่า 60 นาย ทั้งที่ในความจริงแล้วไม่ว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะมาเป็นผบ.ตร.หรือไม่ คำสั่งตำรวจออกจากราชการมีประจำทุกปีอยู่แล้ว

ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันปัญหาอาชญากรรม ลัก วิ่ง ชิง ปล้น โจรไซเบอร์ การพนันออนไลน์ และการแพร่ระบาดของยาเสพติดทุกชนิด ชาวบ้านต่างก้มหน้ารับสภาพ หาทางช่วยเหลือตัวเองมากกว่าพึ่งตำรวจอยู่แล้ว

จึงอดสงสัยมิได้ว่า ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติยุคปัจจุบัน เข้าใจงานตำรวจลึกซึ้งแค่ไหน เพราะอาชีพตำรวจเป็นอาชีพพิเศษ ที่ต้องสั่งสมประสบการณ์ในการเรียนรู้งานในทุกด้าน

ทั้งงานด้านการข่าวที่ต้องใช้เวลาบ่มเพาะ งานโรงพักที่ต้องเรียนรู้ทั้งสืบสวน สอบสวน จราจร และงานบริหารบุคคล เพื่อให้เท่าทันเกมของผู้ใต้บังบัญชา เมื่อสั่งการใดๆจะได้รู้ถึงผลล่วงหน้า และที่สำคัญจะไม่โดนลูกน้องหลอกใช้

เมื่อส่องสปอร์ตไลท์ดูเส้นทางการเติมโตของบิ๊กตำรวจ ส่วนใหญ่จะโตกับแบบบ่มแก๊ส เรียนลัด และขอยกเว้นคุณสมบัติเกือบทุกตำแหน่ง 

ยิ่งเห็นเส้นทางเติบโตของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ด้วยแล้ว ทำให้ฉงน เพราะจากตำแหน่งผู้กำกับการ(ผกก.)-รองผบ.ตร.ใช้เวลาเพียง 6 ปี แล้วขยับเป็นผบ.ตร.

จึงไม่ค่อยแปลกใจนัก เมื่อมีคดีอื้อฉาวเกี่ยวตำรวจ จะเห็น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ โชว์ลีลาแบบเด้งเชือกไปมา ออกเดินสาย ออกเยี่ยมโรงพัก สั่งอาหารจานเดียวมานั่งรับประทาน ลงสมุดเยี่ยม ถ่ายภาพออกสื่อ หรือเดินสายทำบุญเพื่อสมฉายา “มือปราบสายธรรมะ”

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเมื่อเติบโตแบบเรียนลัด มีผู้ใหญ่สนับสนุนให้ก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดขององค์กร  พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ควรใช้เวลาที่เหลือไม่เกิน 250 วันโชว์บทบาทความเป็นผู้นำ สร้างองค์กรตำรวจให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชน เก็บกวาดขยะที่ซุกอยู่ใต้พรหม ไม่ว่าจะเป็ คดีส่วยกำนันนก คดี 8 ตำรวจพัวพันแก๊งพนันออนไลน์ คดีตำรวจภาค 6 ขึ้นค่านักเลงข้ามชาติ คดีสติ๊กเกอร์ส่วยที่ยังยืนยง และคดีล่าแป้ง นาโหนด เป็นต้น

ถ้าทำสำเร็จเป้าหมายที่ว่า “จะทำให้เป็นองค์กรปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมายในระดับมาตรฐานสากลที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา” จะคงความขลัง

แต่ถ้ายังหลงใหลได้ปลื้มกับการเดินสายสร้างภาพ มากกว่าจะหันมาแก้ไขปัญหาภายในอาณาจักรโล่เงินอย่างจริงจัง ข้อครหาที่ว่าศักยภาพไม่กระฉับกระเฉง ไม่เข้าใจงานตำรวจแบบลึกซึ้ง โตแบบบ่มแก๊ส มิได้เกินจริงแต่อย่างใด !!!

ทีมข่าวเฉพาะกิจรายงาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *