24 ตุลาคม 2024

“ณิชาภา” เผยกลุ่มประมงร้องเพื่อไทยช่วยเหลือไม่ให้พัง ไปกว่านี้

0

ชี้รัฐบาลที่แล้วปล่อยต่างชาติทุบผู้ประกอบการไทยเสียหาย จนต้องเลิกอาชีพประมงในที่สุด

        นางสาวณิชาภา โกวิทานนท์ อดีตผู้สมัครสส. จังหวัดสมุทรสงคราม พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและเสนอแนะแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการประมงให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมกับผู้ประกอบการประมงและกิจการประมงทั้งระบบ สภาผู้แทนราษฎร  เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการประมงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากกฎหมายประมงที่รัฐบาลที่ผ่านมากำหนดขึ้นมา ส่งผลให้เรือประมงจาก 20,000 ลำ  ลดลงเหลือเพียง 7,000-8,000 ลำ  เนื่องจากถูกเพิกถอนออกจากระบบ  ไม่สามารถนำออกไปทำการประมงได้

        นางสาวณิชาภา กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมทะเลส่วนใหญ่ ทั้ง กู้ หอย ปูปลา ที่จำหน่ายในประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ ทั้งจากพม่า มาเลเซีย นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จากการตรวจสอบในแต่ละปี เฉพาะที่ด่านตรวจประมงประจวบคีรีขันธ์  มีการนำเข้าสัตว์ทะเลทั้งระบบมากกว่า 2,100 ล้านบาท สวนทางกับการส่งออกที่มีมูลค่าเพียง 66 ล้านบาทเท่านั้น  ในขณะเดียวกันสินค้าจากต่างประเทศขายราคาถูกกว่าสินค้าจากประมงไทย  ผู้ประกอบการประมงไทยหลายรายต้องสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะไม่อาจสู้ราคาสินค้าประมงที่นำเข้ามาได้ เนื่องจากผู้ประกอบการประมงไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า

        “นอกจากนี้  ที่ผ่านมาผู้ประกอบการประมงไทยได้ยื่นข้อร้องเรียนมายังคณะทำงานพรรคเพื่อไทยว่ารัฐควรกำหนดเพดานการนำเข้าอาหารทะเล เพื่อให้ผู้ประกอบการประมงในไทยมีโอกาสในตลาด เพราะต้นทุนการประกอบการของไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่ต้นทุนต่ำน้ำมันก็ถูกกว่า ค่าแรงก็ถูกกว่า รวมทั้งสามารถนำเข้าอาหารทะเลแบบเสรี  หากรัฐยังไร้มาตรการช่วยเหลือ และยังคงปล่อยให้มีการนำเข้าสินค้าทะเลแบบไม่จำกัดจำนวน ผู้ประกอบการประมงก็จะต้องเลิกอาชีพประมงไปในที่สุดเพราะไม่อาจแบกรับต้นทุนที่สูงได้  โดยผู้ประกอบประมงได้ยื่นข้อเสนอมาให้รัฐจัดหางบประมาณรับซื้อเรือประมงออกไปจากระบบ  เพราะหากยังฝืนทำต่อไปก็มีแต่ขาดทุน  ดังนั้น  ผู้ประกอบการเลือกขายเรือเพื่อไปทำอาชีพอื่น ทั้งนี้คณะกรรมาธิการพร้อมนำข้อเสนอจากผู้ประกอบการเพื่อหารือกับกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกจากปัญหาที่เกิดขึ้น”นางสาวณิชาภา กล่าว

“ณิชาภา” เผยกลุ่มประมงร้องเพื่อไทยช่วยเหลือไม่ให้พัง!!!!! ไปกว่านี้

ชี้รัฐปล่อยอาหารทะเลของต่างชาติทุบผู้ประกอบการไทยเสียหาย  จนต้องเลิกอาชีพประมงในที่สุด

        นางสาวณิชาภา โกวิทานนท์ อดีตผู้สมัครสส. จังหวัดสมุทรสงคราม พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและเสนอแนะแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการประมงให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมกับผู้ประกอบการประมงและกิจการประมงทั้งระบบ สภาผู้แทนราษฎร  เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการประมงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากกฎหมายประมงที่รัฐบาลที่ผ่านมากำหนดขึ้นมา ส่งผลให้เรือประมงจาก 20,000 ลำ  ลดลงเหลือเพียง 7,000-8,000 ลำ  เนื่องจากถูกเพิกถอนออกจากระบบ  ไม่สามารถนำออกไปทำการประมงได้

        นางสาวณิชาภา กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมทะเลส่วนใหญ่ ทั้ง กู้ หอย ปูปลา ที่จำหน่ายในประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ ทั้งจากพม่า มาเลเซีย นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จากการตรวจสอบในแต่ละปี เฉพาะที่ด่านตรวจประมงประจวบคีรีขันธ์  มีการนำเข้าสัตว์ทะเลทั้งระบบมากกว่า 2,100 ล้านบาท สวนทางกับการส่งออกที่มีมูลค่าเพียง 66 ล้านบาทเท่านั้น  ในขณะเดียวกันสินค้าจากต่างประเทศขายราคาถูกกว่าสินค้าจากประมงไทย  ผู้ประกอบการประมงไทยหลายรายต้องสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะไม่อาจสู้ราคาสินค้าประมงที่นำเข้ามาได้ เนื่องจากผู้ประกอบการประมงไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า

        “นอกจากนี้  ที่ผ่านมาผู้ประกอบการประมงไทยได้ยื่นข้อร้องเรียนมายังคณะทำงานพรรคเพื่อไทยว่ารัฐควรกำหนดเพดานการนำเข้าอาหารทะเล เพื่อให้ผู้ประกอบการประมงในไทยมีโอกาสในตลาด เพราะต้นทุนการประกอบการของไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่ต้นทุนต่ำน้ำมันก็ถูกกว่า ค่าแรงก็ถูกกว่า รวมทั้งสามารถนำเข้าอาหารทะเลแบบเสรี  หากรัฐยังไร้มาตรการช่วยเหลือ และยังคงปล่อยให้มีการนำเข้าสินค้าทะเลแบบไม่จำกัดจำนวน ผู้ประกอบการประมงก็จะต้องเลิกอาชีพประมงไปในที่สุดเพราะไม่อาจแบกรับต้นทุนที่สูงได้  โดยผู้ประกอบประมงได้ยื่นข้อเสนอมาให้รัฐจัดหางบประมาณรับซื้อเรือประมงออกไปจากระบบ  เพราะหากยังฝืนทำต่อไปก็มีแต่ขาดทุน  ดังนั้น  ผู้ประกอบการเลือกขายเรือเพื่อไปทำอาชีพอื่น ทั้งนี้คณะกรรมาธิการพร้อมนำข้อเสนอจากผู้ประกอบการเพื่อหารือกับกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกจากปัญหาที่เกิดขึ้น”นางสาวณิชาภา กล่าว

   

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *