24 ตุลาคม 2024

เส้นทาง-สร้างการเมืองให้เกิดในใจ “ทักษิณ ชินวัตร” จาก “คุณพ่อบุญเลิศ ชินวัตร” และ “คุณแม่ยินดี ชินวัตร” (นามสกุลเก่า ระมิงค์วงศ์

ต้นตระกูล เป็นครอบครัวนักธุรกิจ ระดับกลางในจังหวัดเชียงใหม่ มีกิจการหลากหลาย อาทิ ผ้าไหม กิจการรถเมล์ โรงภาพยนตร์ ขายมอเตอร์ไซด์ สวนส้ม ทำมาสารพัดอย่าง ทั้งที่ “คุณพ่อบุญเลิศ” เป็น สส.เชียงใหม่ แต่ฐานะไม่ได้ร่ำรวย เกินใคร

ด้วยกิจการโรงภาพยนตร์ “อดีตนายกฯทักษิณ” จึงล้มคว่ำ-คะมำหงาย ต้องนำเช็คไปแลกเงินมา ทำธุรกิจหนัง ไม่ได้เป็นคนที่“คาบช้อนเงิน-ช้อนทอง”ออกมาตั้งแต่อ้อน-ตั้งแต่ออก แต่มีความตั้งใจ ประสานอุดมการณ์ ของ “คุณพ่อบุญเลิศ” อดีต สส.เชียงใหม่ ที่อยากทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

หลังเข้ามาคลุกการเมืองอยู่กับ“พรรคพลังธรรม” ของ“พล.ต.จำลองศรีเมือง” ช่วงปี ๔๑ สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ปรากฏ เมื่อแยกตัวมาตั้ง“พรรคไทยรักไทย” ในการเลือกตั้งครั้งที่ ๒๐ เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ได้ชัยชนะเด็ดขาดเป็นอันดับ ๑

โกยเก้าอี้ สส. สูงพรวดถึง ๒๔๘ คน “ทักษิณ” จึงผงาดขึ้นเป็นนายกฯคนที่ ๒๓ นับแต่วันนั้นมา

เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ไทยรักไทยกวาดเก้าอี้ผู้แทนมาได้สูงสุดถึง ๓๗๗ ที่นั่ง สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์

จนถึงวันนี้ สถิติที่สร้างผู้แทนไว้ ๓๗๗ คน พรรคเพื่อไทยห่างไกลจากยอดนี้มาตลอด “กระแสของประชาชน” เหมือนกับ“น้ำขึ้น-น้ำลง” เอาแน่-เอานอนเป็นมาตรฐานไม่ได้

แม้กระทั่ง “พรรคประชาธิปัตย์” ที่เป็นคู่ปรับตลอดกาล ของ“ทักษิณ” เรื่อยมานั้น..นับแต่ยุค“ชวน หลีกภัย” ยุค“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็เหี่ยวลง เรียวลง จนเหลือเชื่อ

จากที่“ประชาธิปัตย์” เป็นพรรคที่ขับเคี่ยว-กินกันจนน้ำลายเหนียว แต่มาวันนี้แพ้ไม่เห็นฝุ่น ดมก้นเขามาตลอด

แต่ยิ่งสู้ศึก“ชิงฐานเสียงประชาชน” เหมือนกับว่า“ประชาธิปัตย์”จะหมดแรงข้าวต้ม–ล้มเหลวจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว จนเดี๋ยวนี้ เหลือที่นั่ง สส.ในสภาฯเพียง ๒๕ คน พอเป็นกระษัยยาให้มีที่ยืนอยู่บ้าง

ทั้งหมดนี้ อยากให้“พรรคก้าวไกล” ดูเป็นอุทาหรณ์เทียบเคียงไว้เป็นตัวอย่างจะดีมาก..

อย่างไรก็เชื่อว่า “นักการเมือง-พรรคก้าวไกล” รู้ถึงสัจธรรม ความจริงแท้ ธรรมที่จริงแท้ ว่าเมื่อมีเกิดก็ย่อมต้องมีดับ คงไม่ละเมอ-เพ้อพก หลงคิดกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

ที่ว่า“ตายหนึ่งเกิดแสน” จากกรณีที่“กกต.” เสนอไปให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ให้ “ยุบพรรคก้าวไกล” เหมือนกับ“ด้อมส้ม” โดยเฉพาะ“นักวิชาการ” ที่ดันหลัง “กลุ่มทะลุฟ้า” ออกมาติดคุก-ติดเรือนจำกันทั่วหน้า และยังรอการ“พิพากษา” กันอีกยาวเหยียดอีกนับร้อยชีวิต..

นอกจาก“นักวิชาการ”จะปั่นกระแสอย่างหลงทิศ-หลงทาง ชนิดไม่ลืมหู-ลืมตากันแล้ว ยัง“บีบสถานการณ์”ทำให้เกิดการวิกฤตขึ้นมา อย่างไม่เป็นโล้-เป็นพาย เสียด้วย

ว่า“สถานการณ์ตอนนี้” ดูแล้ว“มืดครึ้ม” เหมือนกับช่วง“๖ ตุลาฯ”..เหมือนกันตรงไหน “มโน” โกหกคำโตอะไรก็ไม่รู้

เหตุการณ์ประวัติศาสตร์“สังหารนักศึกษา”ไม่น่าเกิดขึ้นแล้วบนพื้นแผ่นดินแห่งประชาธิปไตยที่งอกงามขึ้นทุกวัน

ไม่เข้าทีเอาเสียเลยที่ “นักวิชาการ”ออกมาปั่นกระแสกันอย่างเมามันต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง

“ประเทศไทย”เดินหน้าไปหาความเจริญ นำความสุขมาสู่ประชาชน เพราะมีต่างชาติเข้ามาเที่ยว และตบเท้ามาลงทุน

หยุดปลุกปั่นเกิดเหตุ“๖ ตุลาฯ” ..คิดบ้าๆไปไกลมากเชียวนะแม่คุณ

“กะพรุนไฟ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *