24 ตุลาคม 2024

“ผู้ค้าข้าวฮ่องกง” พากันยกย่องให้ “ข้าวไทย” เป็นของ “แบรนด์เนม” ที่มีคุณภาพ ถึงราคาแพง แต่ก็เป็นที่ต้องการ เหมือนกับคนทั่วโลก ที่อยากใช้รถยนต์ที่มี “แบรนด์” ติดเกรดว่าเป็นของดี

ถามว่าใครก็อยากเป็น เจ้าของรถ “เฟอรารี่” ยกมืออยากได้ทั้งเมือง..ยิ่งซุเปอร์คาร์จากอิตาลี่ “ลัมโบกินี่” หมายปองทั้งนั้น ไม่อยากพลาดกับรถสปอร์ต “แมคลาเรน” ที่ออกแบบมาอย่างถูกต้องตามพลศาสตร์ ตัวรถโค้งมน ไม่ต้านลม

อยากเป็น “เจมส์บอนด์” ต้องยี่ห้อ “แอสตันมาร์ติน” สนมราคากระทัดรัต คันละ ๑๗ ล้าน “เมอร์ซิเดสเบนซ์” ของเยอรมันนี ที่ครองใจมานาน ราคาเบาตัว อยู่ที่ ๒.๗๓ ล้าน

อีกทั้งรถเยอรมันคันหรู “บีเอ็มดับบลิว” ที่เน้นโครงสร้างใหญ่โต หรูหรารับประกันคุณภาพ มีระดับคันละ ๑๔.๘๙ ล้าน ที่ใฝ่ฝันมองกันตาเป็นมัน “ออดี้” รถไอคอนที่มาจับตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทันสมัยทั้งนอกและใน ราคา๖.๗๙ ล้าน ยิ่งกับรถค่าย “พอร์ชหรือปอร์เช่” มีทั้งรถสปอร์ตไฮเอน รถเปิดประทุ ถือเป็นรถเรือธงค่ายนี้ ราคา๑๐.๙๙ ล้าน

เหมือนกับ “ข้าวไทย” ไม่ว่าจะเป็น อาทิ “ข้าวกล้อง ข้าวอินทรีย์ ข้าวไรซ์เบอร์รี่” ถึงมีราคาสูง แต่เป็นที่นิยมของคนอยากกิน

ดูอยาก “ฮ่องกง” เสพสุข-จุกๆ กับการกินข้าวไทยเป็นอันมากส์ ปัจจุบันนี้ “ฮ่องกง” เป็นตลาดที่ส่งออก “ข้าวหอมมะลิ” ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ ๓ ของไทย รองจาก “สหรัฐและจีน”

เกาะฮ่องกงนำเข้าข้าวจากทั่วโลก ๒๕๗.๐๐๐ ตัน แต่นำเข้าข้าวไทย ๑๔๘,๕๐๐ ตัน ร้อยละ ๕๗.๗ เปอร์เซ็นต์ เหนือกว่าข้าวเวียดนาม ที่นำเข้าแค่๖๐,๑๐๐ ตัน ร้อยละ ๒๓.๔ เปอร์เซ็นต์

การเดินทางไปดูตลาดข้าว ของ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ช่วงวันที่ ๑๑-๑๔ มีนาคม ได้ผลบวกเป็นอย่างยิ่ง ในการพบ “นายจาง อี้” ประธานคลังสินค้าข้าว และ “นายเคนเน็ธ ชาน” นายกสมาคมผู้ค้าข้าวฮ่องกง เขาแสดงความรู้สึก พึ่งพอใจกับ “ข้าวไทย” แสดงความชื่นชอบ อย่างออกหน้า-ออกตา ถึงข้าวไทยราคาแพง แต่มีเอกลักษณ์และคุณภาพ ที่ประเทศต่างๆ ผลิตไม่สามารถเทียบกันได้..

ด้วยข้าวไทย ที่มีคุณภาพเสมอต้น-เสมอต้น และจะมีคุณภาพสูงขึ้นไปอีก จากการยืนยัน ของ “รมว.พาณิชย์”

“เราจะพัฒนาข้าวไทยให้ดีอย่างต่อเนื่อง ตามโจทย์ที่ชาวฮ่องกงต้องการ”

ไปเยือนตลาดฮ่องกงคราวนี้ ได้เห็นศักยภาพการเก็บรักษาข้าวหอมมะลิ ถึงเขาจะมีพื้นที่จำกัด และอากาศมีความชื้นสูง แต่โกดังออกแบบ เอื้ออำนวยต่อการรักษาข้าวหอมมะลิไทย คุมอุณหภูมิที่ ๑๗-๑๘ องศา ให้มีความสดและใหม่เสมอ ถ้าเรามีโกดังแบบนี้ การเก็บกัก-รักษาข้าวในประเทศไทย จะ “ยืดอายุให้นาน” และไม่เสื่อมจนหาค่าไม่ได้

ทันทีกลับมาไทย ๑๔ มีนาคม “ท่านภูมิธรรม” ได้รับการร้องเรียนจากสมาคมผู้ประกอบธุรกิจตรวจสินค้าเกษตรกรไทย มีคำครหาว่า ข้าวสารในโครงการรับจำนำข้าว เก็บรักษาไม่ได้มาตรฐาน ข้าวเสื่อมไม่สามารถจำหน่ายบริโภคได้

โดยลงไปตรวจที่ สุรินทร์-ศรีษะเกษ-อุบลราชธานี ซึ่งเก็บข้าวโครงการรับจำนำข้าวมานานถึง ๑๐ ปี คือที่คลัง “พูนพลเทรดดิ้ง” หลัง ๔ และ คลัง “กิตติชัย” หลัง ๒ อยู่ที่อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

ลงพื้นที่ไป มีเอกชนเจ้าของโกดัง พาณิชย์จังหวัด เจ้าหน้าที่ อคส. เป็นผู้ถือกุญแจในการเปิดคลังสินค้า แต่ผลออกมาว่า โครงการนำจำนำข้าว ที่เก็บข้าวมา ๑๐ ปี ยังดี-มีประสิทธิภาพ อยู่เหมือนเดิม

หลังจากมีการชักตัวอย่าง นำข้าวมาหุงและกิน ยังมีประโยชน์ ไม่เสียหาย เหมือนที่ “สร้างข่าว-ทำลายกัน” เพราะช่วงหลังปฏิวัติ ปี ๕๗ ออกข่าวสร้างความเสียหาย ว่าการเก็บข้าวนั้นมีเสื่อม มอดกิน ต้องขาย “เป็นอาหารสัตว์”

ข้าวที่คนกินได้ แต่ไปขายเป็น “อาหารสัตว์” ทำให้ “โครงการรับจำนำข้าว” เจ๊งกะบ้ง ตามที่เขาปั้นเรื่องกันออกมา จนสร้างผลผิด ว่า “โครงการรับจำนำข้าวเลว” ทำให้ชาติเสียหายหลายแสนล้าน

วันนี้ความจริงพิสูจน์แล้ว ข้าวในโครงการที่เก็บมา ๑๐ ปี ยังดี-มีประโยชน์ระบายออกไปสู่ประชาชนได้

ใครที่ “ปล้นประเทศ” เอาข้าวดี ไปหลอกตา ว่าเป็น “ข้าวเสื่อมคุณภาพ” ขายในราคาอาหารสัตว์

ต้องตามจับตัวมาลงโทษ..เพราะนี่คือ “เหล่าเปรต” ที่หาเหตุทำให้ “โครงการรับจำนำข้าว” พังลงไป

“กะพรุนไฟ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *