24 ตุลาคม 2024

สว. ลงมติรับหลักการร่างสมรสเท่าเทียมของ ส.ส. 147 ต่อ 4

0

วันที่ 2 เมษายน ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม พิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. …​ หรือ สมรสเท่าเทียม ที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสร็จแล้ววาระแรก ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 136 กำหนดให้วุฒิสภาต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 60 วันนับตั้งแต่ที่รับจากสภา เมื่อวันที่ 29 มีนาคม

โดยก่อนการพิจารณา ตัวแทนของ ส.ว.ได้รายงานของคณะกรรมการที่ศึกษาไว้ล่วงหน้าจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) คณะต่างๆ เช่น กรรมาธิการการกฎหมาย, กรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดิน อาทิ นายปัญญา งานเลิศ ส.ว. ในฐานะประธานกรรมการศึกษาเนื้อหา ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ซึ่งได้ศึกษาไว้ล่วงหน้า แถลงรายละเอียดว่า ในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรมการปกครอง รวมถึงกำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายละเอียด ซึ่งกำหนดกรอบระยะไว้ ทั้งนี้ในรายละเอียดจำเป็นต้องแก้ไข พ.ร.บ.ครอบครัว ที่ต้องใช้เวลา และเสนอต่อสภา หากขยายเวลาได้จะมีความรอบคอบมากขึ้น

สำหรับการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว อาจกระทบต่อผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์และอิสลามที่ยึดปฏิบัติตามหลักคำสอนทางศาสนา ดังนั้นควรกำหนดหลักเกณฑ์และระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องรับหน้าที่จดทะเบียนสมรสบุคคลเพศเดียวกัน ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามหลักศาสนาและชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่ไม่รับจดทะเบียนเพศเดียวกันถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

อย่างไรก็ตาม ในการอภิปรายของ ส.ว.นั้น เห็นด้วยในหลักการ และ มีข้อเสนอให้ กมธ.วิสามัญฯ พิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม เช่น การเยียวยาผู้เสียสิทธิที่จะมี การคุ้มครองบุคคลที่ยึดถือตามหลักศาสนา รวมถึงคำนึงถึงค่านิยม สังคมยอมรับได้ เพื่อให้ร่างกฎหมายมีความยั่งยืน นอกจากนั้นมีข้อเสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหา เช่น เห็นด้วยให้การหมั้นอายุ 18 ปี แต่ให้ปรับอายุของบุคคลที่จะสมรส จาก 18 ปี เป็น 20 ปี เป็นต้น

ทั้งนี้ในการอภิปรายของ ส.ว. ยังแสดงความกังวลต่อการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องภายใน 180 วัน ในร่างมาตรา 68 ที่กำหนดให้หน่วยงานทบทวนร่างกฎหมายให้สอดคล้องกับร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ภายใน 180 วัน ซึ่งกังวลว่าอาจจะเป็นระเบิดเวลาและทำให้มีปัญหาเพราะไม่ใช่เกี่ยวกับชายและหญิงเท่านั้น แต่หมายถึงการสมรส นอกจากนั้นในสิทธิรับบุตรบุญธรรม ที่ต้องคำนึงถึงวุฒิภาวะ ไม่ใช่บุคคลเพศเดียวกันที่สมรสกันในอายุ 18 ปีแล้วมีสิทธิรับบุตรบุญธรรมได้ รวมถึงการอุ้มบุญที่ควรพิจารณาให้รอบคอบ

หลังจากที่ ส.ว.อภิปรายแล้วเสร็จ ที่ประชุมได้ลงมติเห็นด้วย 147 เสียง ไม่เห็นด้วย 4 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณา 27 คน ซึ่งประกอบด้วยสัดส่วนของ ส.ว. ครม. และภาคประชาชน แปรญัตติ ภายใน 7 วัน ทั้งนี้การพิจารณาวาระสองของวุฒิสภานั้น จะเกิดขึ้นในการประชุมสมัยหน้าในเดือนกรกฎาคม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *