24 ตุลาคม 2024

‘เศรษฐา’ ยันพร้อมแจงทุกข้อสงสัย ลั่นไม่เคยเพิกเฉยปัญหาประชาชน แต่ทุกเรื่องต้องใช้เวลา

0

วันที่ 3 เมษายน 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ซึ่งหลังจากที่ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล หัวหน้าฝ่ายค้าน แถลงเปิดอภิปรายแล้ว

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ชี้แจงว่า ยินดีที่วันนี้ได้มารับฟังความคิดเห็นของสมาชิกทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะมาตอบข้อสงสัย หรือหากมีประเด็นไหนที่ยังไม่ชัดเจน รัฐบาลจะพยายามตอบ ซึ่งรัฐมนตรีทุกคนพร้อมให้ความกระจ่าง และในส่วนของข้อเสนอแนะก็จะนำไปปฏิบัติหากเป็นข้อเสนอแนะที่นำไปปฏิบัติได้เป็นรูปธรรม จากนี้เป็นเวลา 2 วัน ที่ทุกคนจะได้พูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้ประชาชนที่รับฟังอยู่ได้รับข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง

“เริ่มต้นมาท่านก็พูดแรงพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ้นหวัง ล้มเหลว ไม่โปร่งใส ไม่ปฏิรูป ถอยหลัง ปิดบัง ทำลาย แต่ว่าก็มีอีกด้านเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมีหวัง สำเร็จ สิทธิ พัฒนา แทนที่จะเป็นปฏิรูป ส่วนที่บอกว่าถอยหลัง ก้าวหน้า วกวน เราก็เดินหน้าไป เรามีความโปร่งใส ผมเชื่อว่าหลายอย่างที่รัฐบาลทำอยู่ก็พยายามทำให้เป็นเรื่องบวก เป็นเรื่องของอนาคต และแสงสว่าง ที่พี่น้องประชาชนจะได้เห็น แต่หากท่านยังมีข้อกังขาในเรื่องของความไม่โปร่งใส ไม่สำเร็จถดถอยก็บอกมา ผมเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกท่านพร้อมที่จะชี้แจง”

นายเศรษฐา กล่าวว่า จากที่ทำงานมา 6 เดือน มีการอนุมัติงบประมาณไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มั่นใจว่าได้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์โปร่งใสเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และพร้อมให้ความกระจ่างกับเรื่องเหล่านี้ ที่พูดมาหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้สินหรือการบริหารจัดการ ซึ่งรัฐบาลมีการตั้งคณะทำงานเข้ามาดูแลเรื่องหนี้นอกระบบ หนี้เกษตรกรก็มีการพักหนี้ไม่ได้เพิกเฉยหรือไม่ได้ดูแลพี่น้องเกษตรกร เรื่องของพลังงานก็มีการดูแลเรื่องราคาเบนซิน ราคาค่าไฟ ค่าน้ำมันดีเซล ซึ่งมีขั้นตอนในการที่ดำเนินการต่อไป ตรงนี้ก็ไม่ได้เพิกเฉยหรือนิ่งนอนใจ ส่วนเรื่องปัญหายาเสพติดก็มีการทำงานอย่างชัดเจน มีคณะทำงานที่ประกอบด้วย สำนักตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กระบวนการยุติธรรมต่างๆ โดยไตรมาส 4 ปีที่แล้ว มีการจับยาบ้าได้มากกว่าปีก่อนหน้านั้นทั้งปี จึงเป็นหนึ่งในข้อพิสูจน์ว่าทำงานและกวดขันเป็นอย่างดี

“เรื่องของการท่องเที่ยว เราทำให้ประชาชนมีรายได้เข้ากระเป๋ามากขึ้น จากการดำเนินการหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าฟรีของคนจีน ที่ทำให้การค้าระหว่างประเทศ นักธุรกิจ นักท่องเที่ยวเดินทางได้สะดวกมากขึ้น และในประเทศต่างๆ ก็จะมีการยกระดับต่อไป โดยในส่วนของ รมว.ต่างประเทศ ก็มีความพยายามทำให้พาสปอร์ตไทยมีคุณค่ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกท่านทราบดีว่าเรื่องเหล่านี้ต้องใช้เวลา แต่การพัฒนาในเรื่องนี้ก็เป็นไปในทิศทางที่ดี ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด”

นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องฝุ่น PM2.5 รัฐบาลนี้ก็มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด แม้ว่าในอดีตหรือในปัจจุบัน จ.เชียงใหม่ จะยังมีปริมาณฝุ่นสูงติดอันดับโลก แต่หากเปรียบเทียบระหว่างปีที่ผ่านมากับปีนี้ จำนวนฮอตสปอตต่างๆ ลดลงอย่างมาก แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ยิ่งหย่อนที่จะทำงานโดยให้ความสำคัญกับสิทธิพื้นฐานของประชาชนทุกคน

นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงเรื่องการไปมีตัวตนบนเวทีโลก หลายคนวิจารณ์ว่าตนเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ต้องขอชี้แจงว่าจาก 10 กว่าครั้ง เกือบครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องที่ควรจะต้องไป เป็นเรื่องของอาเซียน และเรื่องที่มีการประชุมกันเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อเป็นน้องใหม่เป็นผู้นำที่เพิ่งเข้าสู่ตำแหน่ง จึงต้องไปพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนนโยบายซึ่งกันและกัน เพื่อที่จะให้ประเทศไทยมีตัวตนบนเวทีโลก แต่ละที่ที่ไปเต็มไปด้วยคุณภาพ และเต็มไปด้วยขั้นตอนต่อไป ที่สามารถนำมาเป็นประโยชน์ให้กับประชาชนทุกคนได้ การเจรจาเอฟทีเอก็มีผลสัมฤทธิ์ และกำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

“ทุกเรื่องต้องใช้เวลา รัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารจัดการประเทศได้เพียง 7 เดือนเท่านั้น เชื่อว่าทุกท่านทำงานหนัก รัฐมนตรีทุกท่านมีความปรารถนาดีต่อพี่น้องประชาชน หากท่านมีข้อเสนอแนะอะไรดีๆ ก็รับฟัง หากมีข้อกล่าวหาอะไรก็ขอหลักฐานขอเหตุผล ส่วนเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เชื่อว่าประเทศไทยหลังจากมีการเลือกตั้ง เรามีความก้าวหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่ดีขึ้น รัฐบาลยินดีรับฟังรับข้อเสนอจากสมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกท่าน และรัฐมนตรีทุกท่านพร้อมให้ความกระจ่างในทุกๆ เรื่อง แต่หากเป็นเรื่องที่กล่าวโทษกล่าวหาก็ขอหลักฐานมาบ้าง เราจะได้ไปทำงานกันได้”นายเศรษฐา กล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *