24 ตุลาคม 2024

“สงครามโลกครั้งที่ ๓” มาจ่ออยู่ที่คอหอย “ภัยธรรมชาติ”ก็รุกหนัก ล่วงล้ำ ขยี้พื้นแผ่นดินหลายประเทศเป็นจุณ เมื่อวานนี้เกิดแผ่นดินไหวที่สุดในรอบ ๒๕ ปีของไต้หวัน พลังแห่งธรรมชาติทำให้อาคารเอียงกระเท่เร่ จวนเจียนจะพัง

“รถไฟฟ้าเสียหาย”จอดค้างอยู่บนรางลอยฟ้า “ประชาชน”หลายชีวิตมากกว่า ๗๗ คน ยังติดอยู่ในซากอาคาร มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น ๗ คน บาดเจ็บกว่า ๗๐๐ คน พร้อมกันนี้ยังเกิด “อาฟเตอร์ช็อก” ตามมาอีก ๑๐๐ กว่าครั้ง

หันไปดูชนวนสงคราม ที่“อิสราเอล”เปิดฉากโจมตีสถานทูตอิหร่านในซีเรีย จนมี“นายพล”พลีชีพตายลง

ปฏิบัติการณ์อิสราเอลครั้งนี้ เหมือนกับ“ประเทศอิหร่าน”ถูกโจมตีโดยตรงจึง“โต้กลับ-ฉับพลัน” เป็นสายฟ้าแลบเช่นกัน

โลกร้อนระอุด้วย“ภัยสงคราม” และ“ภัยธรรมชาติ” ที่ผนวกรวมพลังเกิดขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

แทนที่“รัฐบาล”ของ“เศรษฐา ทวีสิน” และ“ฝ่ายค้าน”ของ“ชัยธวัช ตุลานนท์”แห่งพรรคก้าวไกล จะหันหน้ามาปรองดอง เพื่อร่วมกัน “แก้วิกฤต-ประชิดติดเมือง”.. กลับ“แบ่งขั้ว-แสดงตัว” เป็นเสมือน“น้ำกับน้ำมัน” ที่เข้ากันไม่ได้ในชาตินี้

ทุกปาก-ลากประเทศชาติมากอดรัด-ฟัดเหวี่ยง.. เพื่อแสดงตัวว่า ตัวเอง“รักชาติ”ยิ่งกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งที่“ความเป็นจริงแล้ว” ล้วน “แย่งชิงอำนาจ-ปราศจากความจริงใจ” เหมือนที่ปากได้พูดออกมา

ถ้า“รักพื้นแผ่นดินสยามจริง” คงจะไม่สำเหนียก เกิดความ“ไร้สำนึก”กันปานนี้หรอก

มาร่วมกันฟัง“นิทานชาดก เรื่องสัมโมทมานชาดก” ว่าด้วยโทษ“แห่งการแตกสามัคคี”

สมควรเป็นอันมาก ที่“นายกฯเศรษฐา” และ“ชัยธวัช แห่งก้าวไกล” ควรเงี่ยหูฟังเป็นอย่างยิ่ง เพราะการ“แตกสามัคคี”ของ“รัฐบาล”และ“ฝ่ายค้าน” จะนำพาให้บ้านเมืองยุ่ยเป็นผุยผง-ลงได้โดยไม่รู้ตัว

เพราะเห็นการ“อภิปรายทั่วไป ตาม ม.๑๕๒” เหมือน“รัฐบาล”กับ“ฝ่ายค้าน” เป็น“ศัตรูกันมา”หมื่นชาติก็ไม่ผิด

ในอดีตกาล สมัยพระเจ้าพรหมฑัตครองกรุงพาราณสี มี“พญานกกระจาบ”ตัวหนึ่ง คุมบริวารนับพันตัวท่องเที่ยวหากินในป่าใหญ่ ได้รับความผาสุกเสมอมา

อยู่มาวันหนึ่ง “พรานล่านก”บังเอิญมาพบฝูงนกกระจาบนี้ จึงไปแอบซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ แล้วทำเสียงล้อเลียนเหมือนเสียงนกกระจาบ นกกระจาบหลงเชื่อว่าเป็นเสียงพวกของตนจึงบินลงมา นายพรานซึ่งคอยทีอยู่แล้ว “ก็ทอดตาข่าย”อย่างรวดเร็ว “จับนกกระจาย”ได้ทั้งฝูง

จากนั้น“นายพราน”มาทอดตาข่ายจับนกกระจาบได้ทุกวัน “พญานกกระจาบ”พยายามอย่างยิ่งหาทางช่วยเหลือบริวาร

กระทั่งวันหนึ่ง “พญานกกระจาบ”เรียกประชุมบริวารที่เหลือ และออกอุบายว่า… ครั้งต่อไป หาก“นายพรานทอดตาข่าย” จงพร้อมใจกัน “ช่วยกันบิน” จนนายพรานไม่สามารถจับนกได้เลย

ต่อมาไม่นาน มี“นกกระจาบซุ่มซ่าม”ตัวหนึ่งโผลงมาพื้นดิน แต่บังเอิญพลาด“ไปเหยียบเอาหัวนกกระจาบ”อีกตัวเข้า นกกระจาบตัวนั้นโกรธมากจึงร้องโวยวาย ถึงกระจาบตัวซุ่มซ่าม“จะขอโทษ” นกที่ถูกเหยียบหัว“ก็ไม่ยอม”

กลายเป็น“แบ่งพรรค-แบ่งพวก” ต่างพูดจา“กระทบ-กระเทียบ” แดกดัน-กันต่างๆนาๆอยู่มิได้ขาด

“พญานกกระจาบ”เข้ามาห้ามปราบ แต่ก็ไม่มีนกกระจาบตัวใดหาฟังไม่ “พญานกกระจาบ” จึงกล่าวว่า “ต่อไปความพินาศจะมา”

เมื่อ“นายพราน”มาดักจับนกกระจาบอีกครั้ง นกกระจาบต่าง“ไม่มีความพร้อมเพรียง”ที่จะ“ร่วมบิน”เหมือนทุกครั้ง

“มัวแต่ทะเลาะกันเอง” กำลังจึงไม่เหลือพอจะนำตาข่ายขึ้นไปได้ จึงตก“เป็นเหยื่อ”ของนายพราน เพราะ“แตกแยก”

“คนไทยมี ๖๗ ล้านคน” ฝากชีวิตไว้กับ“รัฐบาลและฝ่ายค้าน” แต่มา“ทะเลาะกัน”จนชาติกระปลกเปลี้ย ทั้งที่ “ภัยสงคราม” และ “ภัยธรรมชาติ” มาเคาะประตูอยู่ริมรั้วประเทศ

แต่ “รัฐบาลกับฝ่ายค้าน” กลับ“ชิงดี-ชิงเด่น” เพื่อแย่งอำนาจกันเท่านั้น

อยู่เพื่อแย่งอำนาจ.. “มันไม่ใช่การรักชาติ” อย่ามาอวดฉลาด แบบผิดๆ เช่นนี้อีกเลย

“กะพรุนไฟ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *