ลิ้นกับฟัน
ไม่รู้ว่าเป็น “ไหมฟ้า” ซึ่ง“ครอบคลุม”ถึงความหมายอันดีงาม คือ“เพิ่มทรัพย์-เพิ่มปัญญา”
ช่วงนี้ “คุณไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล “ถอดรหัส”ถึง“รัฐบาลเศรษฐา”ติดๆ เพราะ “ตั้งแต่ต้น-จนจบ” ดูเหมือน“คุณไหม”จะตั้ง“ปุจฉา”หาคำตอบเรื่อง“ดิจิตอลวอลเลท”เป็นมหากาพย์อยู่ไม่ขาด
กระทั่งวันที่ ๑๐ เมษายน ที่“นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” นำขุนพลเศรษฐกิจ เกี่ยวกับการ“แจกเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท” ยกขบวนกันมาอย่าง“ทัพใหญ่” แต่ก็ไม่ได้“สร้างความมั่นใจ”ให้กับ“สาวไหม” สิ้นกระแสความเห็นการสงสัยเลย
เพราะเธอได้กล่าวเน้น-เห็นกับตาตัวเองว่า ในการร่วมประชุม“บอร์ดใหญ่ดิจิตอลวอลเลท” ถึง ๒ ครั้งกัน แต่ไฉนถึงได้เป็นฉะนี้..
ไม่เห็นเงา“นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ “ธปท.” มาร่วม“สามัคคี-ลงโรง”กันเลย
“แยกตัว-แบ่งคนละขั้ว” อยู่กันคนละมุมกับ“รัฐบาลเศรษฐา” ตลอดมา จนทำให้“คุณไหม”เธอรู้สึกเอะหัวใจเป็นอันมากส์ การที่“นายเศรษฐพุฒิ”แยกตัวเป็น“ศิลปินเดี่ยว” โดดเดี่ยวเดียวดายเช่นนี้ “ฝ่ายค้าน”จึงหยิบมาเป็นประเด็น
ถึง“ธนาคารแห่งประเทศไทย”จะมี“ความอิสระ” โดยใช้อำนาจ“การบริหารแบบองค์คณะ” ไม่ให้“รัฐบาล”มาเป็น“นนทก” ผู้มี“นิ้วเพชร” เทวดาตนใดมาขัดใจก็“ชี้นิว”ให้ตายเสีย..
แต่อย่าลืมว่า “ดิจิตอลวอลเล็ท”เป็น“กล่องดวงใจ”อันล้ำค่า สมบัติที่มีค่าอันสูงสุดของ“รัฐบาลเศรษฐา”ทีเดียวเชียว
จำเป็นที่“องคาพยพ”ในการขับเคลื่อนความเจริญก้าวหน้าให้กับแผ่นดิน ต้องผนึกใจ-ผนวกใจเป็นหนึ่งใจเดียวกัน “ผลักดัน”ให้“ดิจิตอลวอลเล็ท”เกิดขึ้นทันเวลา ยามเศรษฐกิจหงิกรับประทาน
เหมือนว่า“สาวไหม แห่งก้าวไกล” จะมีความเห็นว่า“นายเศรษฐพุฒิ”ไม่แฮปปี้เอนดิ้ง จึงไม่มา“ร่วมสังฆกรรม” ทำกิจอันเป็น“นโยบายเอก”ของ“รัฐบาลเศรษฐา”ที่ไม่อยากให้มีเสียงใดออกมาขัด
ทั้งที่การ“แจกเงิน ๑๐,๐๐บาท”ที่จะสัมฤทธิ์ผลใน“ไตรมาสที่ ๔” เริ่มปรากฏเป็นที่แน่ชัดแล้ว ไม่ใช่แค่“นโยบายหาเสียง” หรือว่า“ขายฝัน” ที่ฝันลมๆแล้งๆเพื่อให้ได้คะแนนเสียงประชาชนมา
“วางแพลน”นโยบายออกมาแล้วต้องทำให้ได้ จะมา“ทิ้งกลางอากาศ”สลัดความรับผิดชอบไป ใครเขาจะมาเลือก
ถึง“ธปท.”จะเป็น“หน่วยงานอิสระ” บริหารกันแบบองค์คณะ แต่จะ“ปลีกวิเวก”ลอยตัวอยู่ตามลำพังก็ไม่ได้ การเป็น“ผู้คุมถุงเงินแห่งชาติ”ก็ต้อง“รับฟัง”ถึงเหตุผลในการพิจารณาของ“รัฐบาล” ที่มีไปถึงตนเองบ้าง
“ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ” มิใช่ว่า“รัฐบาล”จะไม่มีมือยาวๆอย่าง“แม่นาก” ไปแตะเสียก็ไม่ได้ หากมี“เหตุผลอันสมควร” ก็“โละทิ้ง”ได้ ตามที่กฎหมายเปิดช่องแคบๆให้ไว้
ดูเหมือนว่า “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” อดีตขุนคลังเก่า อยาก“ลงดาบ”ให้เด็ดขาด เพราะท่านเห็นว่า “เศรษฐกิจรากหญ้า”ตายสนิท-ผิดกับ“แบงก์ชาติ” หูไปทาง-ตาไปอีกข้าง ไม่เหมือนคนจนเขามอง
เมื่อไม่ร่วมกันพาย เพื่อพา“รัฐนาวา”ของ“เศรษฐา ทวีสิน”ไปให้รอดสันดอน พ้นปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นพิษของชาติอยู่
จำเป็นต้องมีการ“ปลดผู้ว่าฯแบงก์ชาติ” ไม่มีใครหรอกที่มีอิสระ-เสรีโดยที่ไม่มีสิ่งใดคอยมาคุม
เหตุผลเป็น“จระเข้คลองขวาง” เมื่อ“กนง.”มีมติ ๕ ต่อ ๒ คงดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๕ เอาไว้อีก ซึ่ง “ตั้งป้อมค้าน”เพราะ“นายกฯ”อยากให้ลดดอกเบี้ย
แต่อีก ๒ เสียง เห็นควรให้ลดดอกเบี้ยลงมา“๐.๒๕ ต่อปี” เพื่อสร้างแรงผลักดันให้เศรษฐกิจ
เมื่อ“แบงก์ชาติ”ทำตัวเป็น“ลิ้น” ที่ไม่เข้ากับ“ฟัน”กันเช่นนี้ สมควรหรือไม่ที่จะปลด
อยู่แล้ว“ก้าวขากันไปคนละทิศ” เศรษฐกิจมันจะฟื้นได้หรือพ่อคุณ
“กะพรุนไฟ”