24 ตุลาคม 2024

‘รังสิมันต์’ เผย แก้รัฐธรรมนูญทำประชามติ 2 ครั้งพอ ชี้ 3 ครั้งเปลืองงบ-เสียเวลา

0

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เตรียมเสนอเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเบื้องต้นเสนอทำประชามติ 3 ครั้ง ว่า คิดว่าหากจะปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายที่กำหนด การทำประชามติ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว กฎหมายได้กำหนดขั้นตอนชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องทำประชามติในครั้งไหนบ้าง โดยกลไกจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้เกิดการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยทั่วไปการทำประชามติ 2 ครั้งถือเป็นกลไกที่ครบถ้วนและรอบคอบอยู่แล้ว ที่ประชาชนสามารถตัดสินว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับกระบวนการที่เกิดขึ้น การทำประชามติ 3 ครั้ง จึงซ้ำซ้อนโดยไม่จำเป็น ความซ้ำซ้อนแบบนี้จะนำไปสู่การสูญเสียงบประมาณและสูญเสียเวลา

“เมื่อทุกฝ่ายกลัวที่จะต้องตีความกันหมด ทำให้สุดท้ายคนที่จะต้องแบกรับความสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณหรือเวลาก็คือประชาชนทั้งประเทศ ผมยังมองว่าอยากให้ทุกฝ่ายกล้าหาญในการตีความ ซึ่งคิดว่าการตีความทางกฎหมาย ไม่ได้เป็นการตีความที่เกินเลยอะไร หากเราอ่านคำวินิจฉัยต่างๆ ก็ไม่ได้ชัดเจนถึงขั้นว่าจะต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง ผมยังคงยืนยันว่าไม่จำเป็นที่จะต้องทำประชามติ 3 ครั้ง”

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ พยายามยืนยันว่าการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านกลไกรัฐสภา นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ควรจะบรรจุเรื่องนี้เพื่อให้กลไกต่างๆ สามารถเดินหน้าต่อได้ ซึ่งเราไม่เห็นด้วยในการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความ สุดท้ายผลที่ออกมาศาลรัฐธรรมนูญก็ตีความในลักษณะว่ายังไม่เป็นปัญหา เมื่อเป็นเช่นนี้ก็น่าเสียดาย หากรัฐบาลจะเดินหน้าทำประชามติ 3 ครั้ง ที่จะทำให้สูญเสียงบประมาณเพิ่ม จึงขอใช้โอกาสนี้เรียกร้องไปยังนายวันมูหะมัดนอร์ ว่าควรจะบรรจุเรื่องนี้เข้าที่ประชุมและควรมีท่าทีที่ชัดเจนในเรื่องนี้

ส่วนข้อเสนอเพิ่มเติมไปยังรัฐบาลในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คิดว่าส่วนที่สำคัญคือหากทุกฝ่ายเอาจริงเอาจังจะสามารถแก้ไขและนำไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ จึงอยากจะให้รัฐบาลเอาจริงเหมือนกับที่สัญญาไว้กับประชาชน แต่ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคณะกรรมการศึกษาเรื่องนี้ ก็ทำให้ส่งผลกระทบไปถึงความเชื่อมั่นของประชาชน ที่มองไปยังรัฐบาลและตั้งคำถามว่า จะเอาจริงเอาจังในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากแค่ไหน หากรัฐบาลรู้สึกว่าควรจะจริงจังได้แล้ว เราต้องช่วยกันทำให้การแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนหน้าตารัฐธรรมนูญฉบับฉบับใหม่ ก็ให้เป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ที่จะต้องไปว่ากันอีกที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *