24 ตุลาคม 2024

ไหลออกจาก“พรรคประชาธิปัตย์” เพราะ“ไร้ที่ยืน” ทะแหลด-ทะแหลออกมาแล้ว คิดว่าจะยก“คุณภาพให้สูงขึ้น” ที่ไหนได้ คงมีมิติเดิม ควรแต่จะ“วอแว” กระเซ้ากระซี้“พรรคเพื่อไทย” และคนตระกูล“ชินวัตร”อย่างหัวปักหัวปำ

เพราะความคิดที่“จมดิ่ง” เป็น“บัวใต้น้ำ” ไม่คิดเผยอหา“สิ่งใหม่”เข้ามาทดแทน พวกนี้จึง“ซอยรอยเท้า-ย่ำโคลนอยู่ที่เดิม”..ยังทำให้“ตัวเอง”ติดกับดัก ไม่“ชนะเลือกตั้ง”เสียที

จึงไม่แปลกใจ ที่“อดีตนักการเมืองเก่าประชาธิปัตย์”มาตั้งพรรคใหม่ อีกคนย้ายพรรคเป็น“ชายสามโบสถ์” ยังสะกด “ชัยชนะ”ในการเลือกตั้งไม่ได้เสียที งัดเรื่อง“คุกทิพย์” เงิน“๗.๔ หมื่นล้าน” ขึ้นมากระหน่ำเขา

ไม่เคยทำตัวเป็น“มิตร” แสวงหาเส้นทางเป็น“ศัตรู” กันทั้งปีทั้งชาติ เกาะติดแต่เรื่อง“ไร้ความคิด”ที่ไม่เกิดประโยชน์ เนื้อหนัง-มังสาหารอะไรเลย

ควรรู้ว่า “การเป็นศัตรูที่โง่ ไม่สามารถทำลายคู่ปรับอะไรได้เลย”

จึงขอยกเอาเรื่อง “มสกชาดก ๕๐๐ ชาติ” ขึ้นมาเป็นอุทาหรณ์กันเสียหน่อย อันชื่อว่ามนุษย์ ย่อมมีทั้งดีและเลว เมื่อมีคนทำกรรมดี ก็มีคนทำกรรมชั่วเช่นกัน

ครั้งหนึ่ง “พระบรมศาสดา” เสด็จจาริกไปในหมู่บ้านมคธ ได้เกิดเรื่องพิสดารขึ้น โดยชาวบ้านเป็นพรานล้วนล่าสัตว์ วันหนึ่งมีเสียงพรานมคธกล่าวขึ้นว่า“พร้อมกันหรือยัง จะได้รีบเข้าป่า วันนี้จะได้มาสักสองสามตัวก็ยังดี”

เพื่อนในกลุ่มพรานกล่าวตอบว่า “เออๆพร้อมแล้ว มากันครบแล้ว อาวุธก็ครบแล้ว เมียข้าแพ้ท้องอยากกินเนื้อกวาง” “วันนี้จะเอามาฝากสักตัว..งั้นก็ไปได้เลย เดี๋ยวจะค่ำมืดเสียก่อน”

นายพรานกลุ่มนี้มีจิตใจที่โหดเหี้ยม พวกเขาฆ่าสัตว์ป่าที่พบทุกตัว หากสัตว์ตัวไหนหนีไม่พ้นก็ต้องพบภัยถึงแก่ชีวิต

“ฮ่าๆ วันนี้ได้กวางแล้ว เมียข้าต้องดีใจแน่ ถ้าได้ลิงกับหมูป่าอีกคงจะดีไม่น้อย”

พวกเขาเมื่อล่าสัตว์ได้แล้ว ก็นำมาเป็นอาหารอย่างมีความสุข มิได้เกรงกลัวต่อบาปกรรมแต่อย่างใด

“หือ..อร่อยดีนะเนี่ย หวานถูกใจน้องจริง ครั้งหน้าพี่ออกล่าสัตว์ เอาหมูป่ามาฝากด้วยนะพี่” เมียพรานที่ท้องส่งเสียงอ้อน ซึ่งลูกชายที่นั่งข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “พ่อเก่งจังเลย ถ้าโตมา ต้องเก่งอย่างพ่อให้ได้”

วันถัดมา..กลุ่มพรานใจบาปนี้ ได้เข้าป่าเพื่อล่าสัตว์ตั้งแต่เช้าแต่เขาก็ไม่พบสัตว์ตัวใดเลย “โอ้ย..วันนี้ช่างซวยจริงๆ เข้าป่ามาแต่เช้า ไม่เห็นจะได้อะไรมาสักตัว” เพื่อนพรานอีกคนตอบว่า“เอาน่า ใจเย็นๆก่อน เดินๆไปเดี๋ยวก็เจอแหละ ให้มันรู้ไปว่าสัตว์พวกนี้จะไม่เดินแถวนี้”

สุดท้ายก็พบนกฝูงใหญ่ จึงแอบซุ่มและเตรียมอาวุธ แต่ก็เจอ“ยุง”รุมกัดเล่นงานเป็นการใหญ่ พรานทนอยู่ในโพรงไม่ไหว ลุกตบยุงเป็นพัลวัน เสียงนั้นทำให้ “นก”พากันบินหนีไปทั้งฝูง

นายพรานไม่ลดความพยายาม หมายล่านกฝูงนี้ให้ได้ แต่มาครั้งใด ก็ถูก“ฝูงยุง”กัดกินดูดเลือด จึงหันมาแค้นใจยุงแทน ได้นัดประชุมเพื่อหาทาง“กำจัดยุงเสียให้ได้” เพราะถ้ายังมียุงอยู่คงล่านกและสัตว์อื่นไม่ได้แน่นอน

“เราล่าสัตว์เก่งทุกคน ถ้าเราหันมาล่ายุง มันจะต้องหมดป่า” เป็นความคิดพรานใจบาปใช้กำลังแต่ไม่ใช้สมอง หาวิธีโดยปราศจากความคิด เมื่อเข้าไปในป่า คงถูกฝูงยุงดูดเลือดเช่นเคย โดยยุงไม่กลัวอาวุธที่พรานตระเตรียมมา

อาวุธที่ได้เตรียมมา เมื่อกวัดแกว่ง ใช้แทง และตีบ้าง กลับทำร้ายกลุ่มพรานใจบาปด้วยกัน

“พระบรมศาสดา”เมื่อมาถึงเพื่อบิณฑบาต คนพวกนั้นไปทำอะไร จึงได้บาดเจ็บกันเช่นนั้น มีคนกล่าวบอกว่า“เขาคิดประหารยุง แต่กลับคิดมาประหารพวกเดียวกัน”

ซึ่งเหมือน“นักการเมืองบางคน” คิดแค้นไล่ฆ่าเพื่อไทยและตระกูลชิน แต่ตัวเองกลับมีสภาพสิ้นความนับถือจากประชาชน

จิตที่มุ่งหมาย คิดแต่ว่า“พรรคนี้เป็นศัตรู-คนนั้นเป็นศัตรู” “ปรองดอง” ก็“บดบัง” สิ่งที่เคยดีๆ ของตัวเองหมด

มอง“เพื่อไทยและชินวัตร” เป็น“ศัตรูอย่างเข้าข้อ” ตัวเองนั่นแหละหนอจะพินาศ!!

“กะพรุนไฟ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *