‘หมอชลน่าน’ลั่น! ไม่เสียใจหากถูกปรับออกจากตำแหน่ง
เดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง พร้อมจับมือเอกชนมอบอาชีพรองรับผู้ป่วยที่การบำบัดแล้ว
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า การทำงานของกระทรวงสาธารณสุขตลอด 7 เดือนที่ผ่านมาคืบหน้าไปมาก ทั้งการดูแลชีวิตประชาชน ผ่านโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โดยสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับการบริการทางการแพทย์ได้ มั่นใจว่าภายในปี 2567 จะมีการขยายโครงการไปทุกจังหวัดของประเทศไทย ทั้งนี้นโยบายดังกล่าวมุ่งในการดูแลประชาชนเป๋นสำคัญซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี
ในขณะเดียวกันมุ่งมั่นในการแก้ปัฐหายาเสพติดอย่างต่อเนื่องและจริงใจในการคืนคนดีสู่สังคม ตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กำหนดให้การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ โดยมุ่งหวังเร่งลดความรุนแรงจากภัยยาเสพติดอย่างเป็นระบบและเห็นผลเป็นรูปธรรม ตามแนวทาง “ปลุกชุมชนให้เข้มแข็ง เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วยฯ” กระทรวงสาธารณสุข จึงบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดระบบคัดกรอง บำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติดให้ครอบคลุมทุกระดับความรุนแรง เพื่อคืนคนสู่สังคมอย่างปลอดภัยนอกจากนี้พร้อมกันนั้น ยังจัดตั้งศูนย์คัดกรองผู้ติดยาเสพติด 213 แห่ง ครอบคลุมทุกตำบล ตั้งแต่ปี 2566 – ปัจจุบัน คัดกรองผู้ป่วยทั้งหมด 4,380 ราย พบเป็นกลุ่มสีแดง 120 ราย สีส้ม 1,314 ราย สีเหลือง 2,185 ราย และสีเขียว 761 ราย
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามจากนโยบายยังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน ล่าสุดบริษัทเอกชนขนาดใหญ่หลายแห่งให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการให้โอกาสผู้ติดยาเสพติดที่ได้รับการบำบัดไม่กลับไปเสพอีก พร้อมสร้างงานสร้างอาชีพ เพื่อดูแลหลังการบำบัดให้กับคนที่พร้อมจะมีที่ยืนในสังคม นอกจากนี้ยังมีอีกหลายบริษัทพร้อมรับคนเหล่านี้เข้าทำงาน ดังนั้นคนทีเข้ารับการบำบัดจะสามารถเปิดโอกาสในการมีงานทำด้วย ซึ่งจะช่วยให้สังคมไทยน่าอยู่มาก
“ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ไม่เสียใจหากถูกปรับออก เพราะไม่ไช่คนที่ยึดติดกับตำแหน่ง ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไมมีตำแหน่งก็พร้อมดูแลประชาชนเสมอ ทั้งนี้มั่นใจว่าที่ผ่านมาได้ทำงานอย่างเต็มที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็พร้อม หวังว่านโยบายต่างๆที่ดำเนินการไว้จะได้รับการสานต่อ เพราะทุกนโยบายที่ดำเนินการมายึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตามนโยบายของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยในการดูแลประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมและจริงใจ”นายแพทย์ชลน่าน กล่าว
