24 ตุลาคม 2024

“โลกไม่จำ”….แต่นี่เป็นเรื่องที่ “คนไทย” คนไทยจะต้องจดจำ.. เมื่อปลายปี ๒๔๘๔ “กองทัพญี่ปุ่น” เปิดแนวรบในสงครามมหาบูรพา เข้าข้างฝ่าย “อักษะ” มีเยอรมัน และ อิตาลี

“ทหารลูกพระอาทิตย์” ของ “ชาวปลาดิบ-ญี่ปุ่น” ได้ยกพลขึ้นบกตามจุดต่างๆ ชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย ไล่ไปตามรอยตะเข็บ-ติดกับท้องทะเล มีตั้งแต่จังหวัด…สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และ ปัตตานี

รัฐบาลไทยขณะนั้น “จอมพล ป.พิบูลสงคราม” เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ตกลงทำสัญญาร่วมมือกับ “ทหารญี่ปุ่น”

แต่อีกด้านหนึ่งในเวลานั้น “ท่านปรีดี พนมยงค์” ผู้ดำรงตำแหน่งขุนคลัง ไม่คิดที่จะ“เอออวย-ห่อหมกด้วย” ได้ร่วมใจกับ “นักการเมืองไทยกลุ่มหนึ่ง” ไม่เห็นด้วยอย่างแรง“ที่รัฐบาลจอมพล ป.” ไปร่วมมือกับญี่ปุ่น

จึงได้ประชุมร่วมกันจัดตั้ง ปฏิบัติการใต้ดิน โดยใช้ชื่อว่า “องค์กรต่อต้านญี่ปุ่น” หรือ “ขบวนการเสรีไทย” ทำหน้าที่“ใต้ดิน” ปฏิบัติการณ์“ลับสุดยอด” ต้านญี่ปุ่นสุดกำลัง

“ท่านหลวงประดิษฐ์ มนูธรรม” หรือ “พณะท่านปรีดี พนมยงค์” ได้ร่วมกับ “ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช” เป็น ๒ สหายคู่คิด จนไทยไม่ “เสียเอกราช” แห่งประชาธิปไตย..ไม่ต้องเกิดการ“พ่ายแพ้” ไปพร้อมกับ“เยอรมัน- อิตาลี และ ญี่ปุ่น”

เป็น“ผลลัพธ์”ของ“ขบวนการเสรีไทย” ที่เป็น“พันธมิตร” กอดคอกับ“สหรัฐ-อังกฤษ” ได้อิสรภาพ เพราะ“ทีมใต้ดิน”

ว่าการทำหน้าที่“ใต้ดิน”ในเชิงรุก ใช้กำลังขนาดเล็กทำหน้าที่พิเศษ เพื่อความมุ่งหมายได้รับผลดีกับประเทศไทย

ฉะนั้น, การทำ“งานลับเพื่อแผ่นดิน” จึงเป็นเรื่องที่ควร“ยกย่อง”

อย่าได้ไป“เหมารวบ” คิดเอง เออเอง ว่าเขาเข้ามา“สอดแทรก” แย่งทำหน้าที่อย่างไม่ถูกต้อง

นึกถึงความจริงกันเข้าไว้ “สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา” หรือที่คนไทยเรียกกันสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “พม่า” นั้น..

เป็นประเทศในตะวันออกเฉียงใต้ และคาบมหาสมุทรอินโดจีน มีขนาดใหญ่ที่สุด และมีพรมแดนติดกับ ๕ ประเทศคือ “ ไทย ลาว จีน อินเดีย และ บังคลาเทศ”

จากสถิติล่าสุด ของ “กระทรวงพาณิชย์เมียนมา” แจ้งมาจาก“ย่างกุ้ง” เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า..“ประเทศไทย” ส่งออกสินค้าไปยังตลาดเมียนมาเป็นอันดับ ๑ ในรอบ ๘ เดือน ของปี ๒๕๖๗

มีมูลค่าในเงินเข้าประเทศไทยได้ถึง “๒,๕๗๐ ดอลล่าร์สหรัฐ” เป็นตลาดใหญ่ ที่ทำประโยชน์เข้ากระเป๋าได้มากมาย

มีทั้งสินค้า เสื้อผ้านุ่งห่ม ก๊าซธรรมชาติ ถั่วดำ ข้าวและข้าวหัก ปลา ถั่วเขียว นำเงินมาหล่อเลี้ยง เศรษฐกิจได้ต่างหาก

ท่ามกลาง “กลิ่นไอ-ควันปืน” ที่ยังระอุร้อน ของทหาร “มิน อ่อง หลาย” และ “ชาติพันธุ์” ที่สู้รบ-กันไม่จบ เสียที

“การค้าระหว่างประเทศ” ยังเดินไม่ค่อย“เต็มสูบ” หรือ“เต็มกำลัง”นัก

การที่มี“ผู้ใหญ่คนไทย” ที่“รัฐบาลมิน อ่อง หลาย” และ“ชาติพันธ์”เชื่อใจ เข้ามาเพื่อช่วยเหลือการเจรจา ให้น่ายินดี

กลับกลายว่ามี “คนไทย-ขี้อิจฉา”บางคน รุมสวด รุมประณาม คนที่เข้ามา“ทอดสะพาน” เพื่อให้“เกิดสันติภาพ”

ถ้า“เมียนมา”ไม่รบรา-ฆ่ากัน ไม่เกิดสงครามแล้ว.. เชื่อว่า“ประเทศไทย”ยิ่งจะ“ส่งสินค้า” เข้าไปค้ากำไร-ได้มากยิ่งขึ้น

มองแต่“ผลลบ-ขบคิดแต่ด้านเลว” กลัวว่า ถ้า“เจ้าของบ้านจันทร์ส่องหล้า”ทำงานใหญ่นี้สำเร็จ…จะทำให้ “รัฐบาลเพื่อไทย” สืบสาน–ทำงานต่อ เป็น“ผู้นำประเทศ”ไปอีกหลายสมัย อีกหลายเทอม

แต่ไฉนไม่คิดว่า การทำงาน“ใต้ดิน”เพื่อสร้างฐานะเศรษฐกิจของไทยที่“คลอนแคลน” ให้มั่นคงขึ้น

เห็นได้ชัด ว่ามีบางคน ไม่เห็นดี-เห็นงาม กับเอา “เท้าราน้ำ” รุมย้ำคนทำงาน “ใต้ดิน” กันอย่างไม่อาย

ถามกันจริงๆ เหอะ เมื่อไหร่“ต่อมอิจฉา”พวกนี้จึง“เหือดแห้ง-หมดแรง” ไปจากกลุ่มคนพวกนี้สักที

ไม่เคยทำงานเพื่อชาติ.. “มันสมองไม่เคยฉลาด” ขาดสติกันได้ทุกเมื่อ-เชื่อวัน สิเอ้า

“กะพรุนไฟ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *