24 ตุลาคม 2024

ทฤษฏี“แบ่งแยกแล้วปกครอง” ไม่เคย“บรรลุความสำเร็จ”ในบั้นปลาย นี่เป็นของแท้จริงที่พิสูจนได้

นับแต่คนเรายังเป็น“มนุษย์ถ้ำ” เป็นคนเก่าเก็บที่อยู่มาอย่างล้าหลัง นับแต่“ดึกดำบรรพ์”นั้น..หนทาง..ที่เป็นหนึ่งเดียว “ครองคู่มากับโลกตลอด”.. คือ “สร้างความแตกแยก แล้วปกครอง”

เมื่อ“รวมพลังกันไม่ติด” เป็นหนึ่งเดียวกันไม่ได้ ย่อมเป็นเพียง“น้ำหนึ่งหยด ในทะเลทราย” หยดลงสู่“ความร้อนที่ระอุ” ก็เหือดหาย แห้งหายไป หมดไป ไร้ประโยชน์ ที่จะมีกำลังมา“ดับร้อนได้”

หากแม้นว่า “หยดน้ำ”รวมกันเป็น“มวลน้ำ” แม้ถูก“เก็บ กัก ขังในเขื่อน” เพียงแค่“ตามด” ก็ทำลายเขื่อนใหญ่พังลงได้

ด้วยปัจจัยดังว่านี้ การสร้าง“ความแตกแยก” เพื่อไม่ให้“เกิดความสามัคคี กลมเกลียว” จึงมีมาทุกยุค-ทุกสมัย “จากอดีต-ถึงปัจจุบัน” หลักการนี้..ยังถูก“นำมาใช้” กันอย่างต่อเนื่อง

“ชาติอาหรับ”ตะวันออก นับเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก แต่รวมตัวกันไม่ติด แตกกันเป็นกิ่งแขนงจนไร้กำลัง หาก“ชาวอาหรับ”จับมือประสาน“เป็นหนึ่งเดียวกันได้” ไม่ถูกปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกกันขึ้นมา..เขาน่าเป็น“หนึ่งโลก” เพราะมีต้นทุนทั้ง“น้ำมันและทรัพย์”ที่ก่ายกองเหนือใครทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็น “อินทรี-สหรัฐ”.. “มังกร-จีน” หรือ “หมีขาว-รัสเซีย” ก็ไม่อาจขึ้นมาเป็นใหญ่เหนือชาวอาหรับได้

แต่ทั้งหมดนี้ ก็ไม่ใช่จะเป็นผลดีกับคนที่“ถืออำนาจ” ในการ“แยกขั้ว-แยกตัว” ให้เข้าไปคนละทิศ-ละทาง

ในที่สุดชาติเป็นต้นคิดปั่นเรื่องนี้กันขึ้นมา ก็จะล่มสลาย..เห็นได้จาก“กำแพงเมืองจีน”พังมาแล้วก่อนมาเป็นปึกแผ่น

อีกที่ก็ดินแดนหนาวเหน็บ “หมีขาว-แห่งเคลมลิน” กำลังย่อยยับ เพราะการ“แบ่งประเทศเพื่อปกครอง” เป็น“กรรมสนองตอบ” จนสร้าง“สงครามสู้รบ”อย่างไม่จบสิ้นกับ“ยูเครน” มีผู้ล้มตายเป็นรายวันนับหลายร้อยศพ

“ประเทศไทย”ในวันนี้ มีการ“ตัด หั่น เฉือน”ฝ่ายเดียวกัน ให้ออก“เป็นหลายส่วน” เห็นชัดจาก“เสื้อแดง” ที่หันมา“กินส้ม”.. “เสื้อเหลือง”กลายเป็น“เสื้อฟ้า” ทั้งที่เป็นคนไทยพูดภาษาเดียวกันแท้

อีกด้าน “ฝ่ายประชาธิปไตย”เลือดข้น-สีเข้ม “พรรคเพื่อไทย”กับ“ก้าวไกล” เคยเป็น”พันธมิตร”ที่ดีต่อกันมา ก็ถูกเขา“แบ่งแยก”แตกคอ เป็น“ศัตรู”เสียงั้นแหละ.. ถึงขั้นที่“ก้าวไกล”ประกาศว่า ไม่มีวัน“ตั้งรัฐบาลร่วมกับเพื่อไทย”

ทั้งที่เป็น“มวลสาร” เนื้อแท้ของ“เสรีภาพ-ภราดรภาค-ความเสมอภาค”ที่เหมือนกัน ยังทำให้แตกกันไม่มีชิ้นดี

ขวาสุดโต่ง “อานันท์ ปันยารชุน” ที่เป็น“หัวหมู่ทะลวงฟัน”ให้กับ“ฝ่ายอนุรักษ์เก่า” ก็แตก-แหลกความคิดกันอีก

ศัตรูที่อยู่กันคนละมุม ใครที่ไหนละคุณ.. ล้วน“มิตรเก่า-เกลอแก่”ที่ร่วมปณิธานกันมา ๒๐ ปี ๓๐ ปี ทั้งนั้น

“ขวารบกับขวา”.. “ซ้ายรบกับซ้าย”.. “ฝ่ายประชาธิปไตยรบกันเอง” เป็นเรื่องทฤษฎี“แบ่งแยกแล้วปกครอง”กันล้วนๆ

แต่ไม่เข้าแก๊ปเอาเสียเลย การที่“รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” ทำหน้าที่มา ๘-๙ เดือน มีแต่เรื่อง“สะดุดหัวแม่โป้ง”ให้หงายเก๋ง โดยสร้าง“กลุ่มหนึ่ง”ขึ้นมา..ใช้ในการทำ“แบ่งแยก” แล้วจะได้“ปกครองกัน” เหมือนสิ่งเก่าๆในวันวาน

แต่รู้ไหม?..การทำเช่นนี้ “สร้างความสั่นสะเทือน”ให้“รัฐบาลเศรษฐา” เสียความเชื่อมั่นกับต่างชาติหลายริกเตอร์ทีเดียว

ทั้งที่“ดีล”เพื่อสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง กำลังเดินหน้าสู่“กรอบแห่งความสำเร็จ”มากขึ้นทุกวัน เห็นได้จาก“เม็ดเงิน”ลงทุนจากต่างชาติ “หวนกลับ” รีเทิร์น ไหลเวียนกลับสู่“เส้นทางเศรษฐกิจไทยเรา”นั่นปะไร

จากที่ “นักลงทุน”ถอนเงินตรา ถอนโรงงาน ย้ายฐานการผลิตไปช่วง“การปฏิวัติ” ซึ่งเขาไม่มั่นใจต่อระบบปกครองนี้ จึงพากัน“โกยอ้าว” หนีไปอย่างไม่เหลียวหลัง หนีไปอย่างไม่คิดชีวิต

พอ“รัฐบาลเศรษฐา”ไปสร้าง“แสงทอง-ส่องความศิวิไลซ์” ก็มากินโต๊ะรุมเล่นงานเขา ทำให้ต่างชาติ“ไม่มั่นใจอีก”

“แบ่งแยกแล้วปกครอง” ไม่เคยสร้างความสำเร็จแก่ชาติใดทั้งสิ้น

ทำแล้วมีแต่ผลร้าย..“เห็นแก่ประเทศไทย”..หยุดทำได้ไหม คนไทยจะได้ลืมตา-อ้าปากเสียที

“กะพรุนไฟ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *