24 ตุลาคม 2024

วจี-ถ้อยพาทีนี้ หลายคนคงจำได้ดี คำกล่าวของ“พี่ใหญ่-ป่ารอยต่อ” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ครั้นเมื่อยังเป็น “๓ ป.” ผู้ทรงบารมี

ท่านได้อารัมภบท ต่อหน้าสมาชิกสภาผูแทนราษฎร เอาไว้ว่า “เรื่องของปฏิวัติ(รัฐประหาร) ผมก็ไม่ได้ไปเกี่ยว”“นี่ครับคนปฏิวัติ(ผายมือไปทางพล.อ.ประยุทธ์) ท่านนายกฯนี่คนเดียว (มีเสียงหัวเราะจากสภาฯ)

“ท่านอนุพงษ์ก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง คุณก็เอาผมไปเกี่ยวข้อง ผมก็ไม่รู้เลยว่าจะปฏิวัติเมื่อไหร่”..“สาม ป. สามเปออะไร พูดไปเรื่อย เอาเรื่องจริงเข้ามาว่ากันดีกว่า”

ทั้งหมดนี้ มาจากคำบันทึกของ“ไอลอว์” ที่ปรากฏเป็นหลักฐาน ให้รู้แจ้ง-เห็นจริงโดยทั่วกัน

ต้องบอกว่า “พี่ใหญ่-ป่ารอยต่อ”เป็น“พยัคฆ์บูรพา” ที่ขี่เสือตัวจริงคนหนึ่ง ยากที่ปฏิเสธกันได้ หลังยึดอำนาจไปจากผู้หญิง “อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ผู้เก่งกล้าทั้งหลาย ก็“ตบเท้า”เข้ามาเป็นใหญ่กันทั่วหน้า

กับ“พล.อ.ประวิตร”ด้วยแล้ว ใหญ่มะเริ่มเทิ่มเกินจะสาธยายได้เชียว ท่านสารวัตร

เข้ามา“สะง่อม” พร้อมด้วย“สรรพตำแหน่ง” ไม่ว่าจะเป็น“รอง ประธาน คสช.” เดี่ยวมือสอง เป็นรองแค“พล.อ.ประยุทธ์”..“ยังหม่ำ” เป็น“รองนายกรัฐมนตรี คุมฝ่ายความมั่นคง” ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพ่วงตามมาอีก

แสดงตัวเป็นหนึ่งในตองอู ด้วยการเป็น“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” นั่งถ่างขาคุมเก้าอี้กันมากมาย-ขายปลาช่อน

ที่สำคัญ “พล.อ.ประวิตร”ยังเป็น“ประธานคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา” ตามรัฐธรรมนูญปี ๖๐ “ลากตั้ง” เลือก“สว.”เข้ามาได้“๓๙๕ คน” ..ที่เหลืออีก“๕ พะหน่อ” นั้น..ให้ “ผู้บัญชาการเหล่าทัพ” เข้ามาเป็นอัตโนมัติ

ครั้น“คสช.”สิ้นแสง-หมดแรงไปตามอายุขัย แต่ทว่า“๓ ป.” ยังเป็นเหมือน“เล่าปี่-กวนอู-เตียวหุย” สืบเนื่องกันมาอีก ถึงปี ๒๕๖๒ จะพ่ายการเลือกตั้งให้กับ“พรรคเพื่อไทย” แต่ฝ่ายประชาธิปไตยไม่สามารถ“จัดตั้งรัฐบาล”ได้

“๓ ป.” ที่มี“สว.ลากตั้ง” เป็น“สารตั้งต้น”ในการ “จัดตั้งรัฐบาล” จึงเป็น“เสือคืนถิ่น” กลับมาตามทิศทาง-ที่สร้างเอาไว้

แต่คราวนี้ “พล.อ.ประวิตร” ตำแหน่งดูจะหด-หมดอำนาจ ไปบานพะเรอเกวียน เหลือเพียง“รองนายกรัฐมนตรี” คุมเรื่อง“จัดการน้ำ”..แต่“อำนาจสั่งการทั้งหมด”..“พล.อ.ประยุทธ์”เป็นผู้สั่งการ

ฉะนั้น, “๓ พี่น้องแห่งบูรพาพยัคฆ์” จึงมีทีท่าที่เปลี่ยนแปลงกันรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง

“พล.อ.ประยุทธ์”กลับมาเป็น“นายกรัฐมนตรีรอบสอง” ยังเข้าสะเดิ๊ป-เปิบตำแหน่งเป็น“เจ้ากระทรวงกลาโหม”เสียด้วย..“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ที่เคย“ผ่องถ่าย”มอบอำนาจให้“พล.อ.ประวิตร”ไป ก็เข้าไปเป็น“ประธาน ก.ตร.”ว่าการเอง

ขณะที่ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา”ยังเสมอต้น-เสมอปลาย เป็น“เจ้ากระทรวงมหาดไทย”เหมือนเก่าไม่เปลี่ยนแปลง ผิดกับ“พล.อ.ประวิตร” เหมือนถูก“ลดเกณฑ์” จนเป็นที่น่าสงสาร

ทั้งที่“เกลอ ๓ สหาย”กินข้าวหม้อเดียวกันมา แต่ไฉนความเปลี่ยนแปลงจึงบังเกิดขึ้นกัน“พล.อ.ประวิตร” อย่างไม่น่าเชื่อ

การที่ “ทักษิณ ชินวัตร”ออกมายิงจรวดนำวิถีไซด์โค้ง เข้าไปยังที่“บ้านป่า” จะหมายถึงใคร..ก็ให้ไปตีความ“อักษรไขว้” ที่ทิ้งเป็น“ปริศนา”กันเอาเองเหอะ ท่านสาธุชนเอ๋ย

ที่แน่ๆ ถ้ามีเก้าอี้ สส.ไม่ถึง มีฝ่ามือยกสนับสนุนให้เป็น“นายกรัฐมนตรี”ไม่ได้ตามที่รัฐธรรมนูญเขากำหนด มีอันต้อง“ชวด” ผิดหวัง อกหัก ไม่สมประดีกันไปตามรัฐธรรมนูญที่เขากำหนดมา

เกิดมามีบุญ แต่วาสนาก้าวไปไม่ถึง“นายกรัฐมนตรี”

ทั้งที่ยุค“พล.อ.ประยุทธ์” น่าจะเปลี่ยนมือในการ“วิ่งผลัดคูณ ๑๐๐” เพื่อให้“พล.อ.ประวิตร”ก้าวขึ้นมาแทน

แต่เหมือนมี“กรรมบัง” จึงไม่ได้นั่ง“คุมทำเนียบฯ”อย่างเฉิดฉาย

ยุค“๓ ป.”หมดคิว.. วันนี้พี่ใหญ่ เป็นแค่“จิวยี่-กระอักเลือด”เท่านั้นแหละ การเมืองไม่มีทางเปลี่ยนขั้วใหม่

“กะพรุนไฟ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *