24 ตุลาคม 2024

หยิบและยก อ่านเขียน “เซนเปลี่ยนชีวิต” ของ“คุณธีระวุฒิ ปัญญา” ได้แง่คิด “จบ”อย่างมีสาระและมากคุณค่า

เป็นเรื่องที่“คุณเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และ“คุณภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ควรรับฟัง

เพราะผ่านมา ๙ เดือน วันเลื่อนเดือนคล้อยเดือนที่ ๑๐ แล้ว “ผลงานรัฐบาล”ยังลอยเท้งเต้ง เคว้งคว้าง ไม่ถึงจุดหมาย ไม่สมกับ“ราคาคุย” ที่เคยพูดอวดว่าเป็นหนึ่งในการแก้ไข“ปัญหาเศรษฐกิจ”..ดูเหมือนท่านจะ“พูดเกินจริง”เสียแล้ว

ไม่น่าเป็น“สิงห์ขี้คุย” ควรที่จะ“ลุยงาน”ให้แฟนคลับ“พรรคเพื่อไทย” เขาประทับใจจ๊อดได้แล้วเสียที

มาฟังเรื่องนี้ จากการจั่วข้อเขียนเริ่มต้นเอาไว้ว่า “ปริศนาการเดินของตะขาบ”

..ครั้งหนึ่ง มีกบขี้สงสัยตัวหนึ่ง คอยสังเกตการณ์เดินของตะขาบเป็นประจำ ทำให้เกิดความสงสัย และเฝ้าถามตนเองในใจว่า..“เหตุใดหนอข้ามี ๔ ขา ถึงได้เดินไปมา ยากลำบากนัก”..“ดูเจ้าตะขาบสิ มีนับร้อยๆขา แต่กลับเดินได้อย่างมีระเบียบ ไม่มีสะดุดเลยแม้แต่น้อย”

“ไม่รู้ว่ามันรู้ได้อย่างไร ว่าจะต้องเดินก้าวขาไหนก่อน แล้วขาไหนที่ควรจะหยุด?”

เมื่อความสงสัยของเจ้ากบถึงขีดสุดไม่อาจรั้งรอคำตอบได้แล้ว จึงรีบไปขวางเจ้าตะขาบเอาไว้ แล้วเอ่ยออกไปว่า..“เจ้ารู้ตัวไหม? ทุกวันนี้ข้างงกับการเดินของเจ้า เจ้าใช้ขามากมายเดินอย่างไร.. เป็นระเบียบได้อย่างไร”

ตะขาบตอบกลับไปว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าก็เดินของข้าอยู่ทุกวันอย่างนี้..แต่ถ้าเจ้าอยากรู้ ขอเวลาให้ข้าสักครู่ ข้าจะคิดหาคำตอบให้เจ้าเอง”

เจ้าตะขาบนิ่งสงบอยู่พักใหญ่ เพื่อใช้ความคิดทบทวนว่าที่แล้วมาตัวเองเดินได้อย่างไร คิดแล้วขยับขาซ้ายที ขาขวาที เพื่อทดลองดู.. แต่สุดท้ายก็จนปัญญาที่จะเข้าใจ จึงหมอบลงนอนอย่างหมดอาลัยตายอยาก

จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ากบ.. ปัญหานี้ของเจ้า อย่าได้ไปถามตะขาบตัวไหน บนโลกนี้อีกนะ..ที่ผ่านมา เวลาข้าอยากเดินก็เดินไปเลย ไม่ได้คิดอะไรให้มันยุ่งยาก”

“แต่ตอนนี้เจ้าทำให้ข้าคิดมากเกี่ยวกับการเดินของข้าแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะกลับไปเดินได้เหมือนเดิมไหม”..“เพราะไม่รู้ว่าจะขยับขาไหนก่อนดี..”

สรุปในเรื่องนี้ “คุณธีระวุฒิ ปัญญา”ผู้เขียนได้จบเรื่องเอาไว้ว่า..“เรื่องบางเรื่อง หรือสิ่งบางสิ่ง เราไม่ควรขบคิด..เพราะมันจะเพิ่มปัญหาให้กับชีวิตเปล่าๆ”

วิถีเซนที่แท้จริง เน้นย้ำให้ได้ชีวิตไปตามธรรมชาติ เป็นที่มันควรจะเป็นเท่านั้นพอ

แต่ดูเหมือนว่า “นายกฯเศรษฐา”..คิดแก้ปัญหา แต่ดูเหมือนว่า แต่ที่เห็น “เพิ่มปัญหา”มากขึ้นอีกเป็นกอง

รู้ทั้งรู้อยู่ว่า..ในอำนาจที่จะขับเคลื่อน“เศรษฐกิจของชาติ” ต้องเดินหน้าให้จบ ไม่ใช่“ยึกยัก-แทงกั๊ก”กันอยู่ตลอดเวลา เริ่มเห็นแล้วท่านทำตัวเป็น“สนิมสร้อย” อ่อนแอ เหยาะแหยะ จนเศรษฐกิจร่วงเพราะความ“เฉื่อยแฉะ”นี่เอง

“มัวแต่คิดมาก-แก้ปัญหาจึงยาก”เป็นเงาตามตัว อย่างที่ทุกคนเขาเริ่มรู้สึกกันแล้ว “รากหญ้า”ต้องการเงินเข้ากระเป๋า เพื่อมา“เยียวยา”วิกฤตเศรษฐกิจที่เป็นพิษมาจากการรัฐประหาร เมื่อ ๙ ปี ๑๐ ปี

ซึ่งท่านก็มองเห็นถึง“ทางออก” ต้อง“เติมเงิน”เข้าสู่มือประชาชน ด้วยการ“ลดดอกเบี้ย” เพื่อให้เกิด“พลังซื้อ”กลับมา..

ที่“ขวางชาติให้หยุด-สะดุด”ไม่ไปไหน..น่าเป็น “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ที่คอยแทงเข่ากันตลอด สกัด ขวางกั้น“นโยบายรัฐบาล”กันมาครั้งแล้วครั้งแล้ว จนทำให้เศรษฐกิจถอยหลัง “โรงงานปิดตัวกันระนาว”

เป็น“จระเข้” ที่เกื้อกูลและหนุนให้“ธนาคารพาณิชย์”รวยกันปีละเป็นแสนล้าน แต่“ชาวบ้าน”จนตรอกอย่างที่เห็น

เมื่อ“อำนาจแห่งรัฐบาล”เป็นไปตามวิสัย เพื่อแก้ไขปัญหาของแผ่นดินให้เดินหน้าอย่างกระฉับ-กระเฉง

ท่านมัวแต่คิดไม่จบ..“ประชาชนถึงกลายเป็นศพ” เพราะการขบคิดที่ว่า ใช้อำนาจแล้วตัวเองจะตกกระป๋อง

“กะพรุนไฟ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *