24 ตุลาคม 2024

มิใช่“ขบวนกลองยาว” เกรียวกราวอึกทึกครึมโครม รื่นเริงกันไปได้ทั้งวัน เห็นแล้วว่า ท่านเป็นดั่ง“ช้างเหยียบนา-พญาเหยียบเมือง” แห่แหน..มีคนมาต้อนรับ ทำให้เกิด“ความสุขใจ”

บอกได้เลยว่า “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน สุขใจ-หาสิ่งใดเปรียบเทียบไม่ได้ก็แล้วกัน

แต่“ประมุขตึกไทยคู่ฟ้า” จะรู้ส่วนลึกภายใน-ชั้นใน-ข้างในของ“ประชาชน”ผู้เป็นรากหญ้า เขา“อกไหม้-ไส้ขม”แค่ไหน

๙ เดือน ๑๐ เดือน ที่ท่านได้“เถลิงอำนาจ”นั้น..เศรษฐกิจทุกอย่างยังคง“จมก้นบ่อ” ดิ่งลึกลงทุกวัน ไหนหละที่ว่ากันเอาไว้..“ได้เศรษฐา เราจะพากันเป็นเศรษฐี”

โธ่เอ๋ย ชีวิตของเขา..“มีแต่ตก เป็นขอทานชูชก” ยกทั้งแผ่นดินมากกว่า..

การ“ทำมาค้าขาย” เจ๊งกันทั่วหน้าระนาว “ตลาดล่าง-ตลาดนัด”ตามชุมนุม ไม่ผิดอะไรกับ“ป่าช้า” เงียบกริบไร้คนเดิน

ครั้นมาในจังหวัด เมืองใหญ่ๆ ที่ตั้งแผง-ทุกแห่ง ไม่มีคนออกมา“จับจ่าย-ใช้เงิน” เป็นการหยุด“เดินสะพัด”ของเงินตรา “ค้าขายวันนี้” มีเจ๊งกับเจ๊ง-เฮงซวย กันอย่างสุด ๆ

“ห้างสรรพสินค้า” คนที่จ่ายเงินเช่าแผงกันเอาไว้ “โอดระทม”ขมขื่นน้ำตานองไปตามๆกัน ไม่เหมือนกับ“ความหวัง” ที่“พรรคเพื่อไทย” ได้สร้างความหมายปอง มุ่งมาดเอาไว้อย่างดิบดี

“นายกฯเศรษฐา”มา..การค้า-การขาย ต้อง“ทะลุเป้า” ได้กำไร ตั้งตัวลืมตา-อ้าปากได้ทันที แต่นี่สถานการณ์“พลิกกลับ” ไม่เป็นดังว่า..เหมือนกับ “ท้องฟ้ากับหุบเหว” ที่มีความห่างชั้นกันมากมาย

“เศรษฐกิจ”ไม่ได้รุ่งเรือง-เปรื่องปราด ขึ้นมาแม้แต่องคุลีเดียว มีแต่“เลวร้าย-วอดวาย”เสียด้วยซ้ำไป

ฉะนั้น, “นายกฯเศรษฐา” จะมา“รำป้อๆ” โชว์ความหล่อกันไปวันๆ คงจะไม่ถูกแล้ว..เพราะมัน“เสียเวลาของชาติ”..แม้นว่า“ท่านมือไม่ถึง” อย่ามัวแต่“ผึ่งพุง” อยู่ในอำนาจเลยขอรับ

เริ่มมีเสียงบ่นหนักข้อ ว่าทำแบบนี้เป็นการ“ถ่วงประเทศ” ให้หนักหน่วงอย่างไม่เป็นสับประรดขลุ่ย จนเขาเริ่มรับไม่ได้

จะให้“ชาวรากหญ้า” เขาตั้งหน้า-ตั้งตา ในการ“คอยแล้วคอยเล่า เฝ้าแต่คอยนั้น” มันถูกหรือท่านสารวัตร

หากคิดว่า“การเงิน”ไม่สะพัด..เพราะ“แบงก์ชาติ”ของ“เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” เป็นต้นเหตุ ต้องดับไฟที่ต้นตอ ต้องใช้คำสั่ง“ประหาร” ลงกิโยตีน ตัดคอ“ให้พ้นตำแหน่งไป”

เพราะคนเพียงคนเดียว ที่อาศัยความเป็น“องค์กรอิสระ” ที่รัฐบาลเอื้อมมือเข้าไปแตะ-กระแซะทำสั่งใดไม่ได้นั้น มันเป็น“ความล้มเหลว” อันไม่เป็นผลดีต่อ“ผู้นำประเทศ”

บ่งบอกให้เห็น“ความไร้น้ำยา” ขาดกึ๋นในการทำงานอย่างแรง

“ช่องว่าง” อันเป็น“ช่องโหว่” เมื่อเกิด“ความขัดแย้ง”กันทางด้านเทคนิค แห่งความคิดเห็นกันแล้ว

“ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์” ผู้ให้กำเนิด“ธนาคารประเทศไทย”ขึ้นมา..ให้ “ทางออก”กับ“แบงก์ชาติ” ที่จะไม่ขวางรัฐบาล ด้วยการที่“ผู้ว่าฯ แบงกชาติ” จะต้องแสดงสปิริตในการ“ลาออก-ไขก๊อก”ทันที

เมื่อ“การลดดอกเบี้ย” ที่“ท่านเศรษฐา”ขวนขวายเสาะหาไม่หยุดนิ่ง จะให้“เศรษฐพุฒิ”ลดให้ได้ แต่มาถูกขัดขวาง โดน“ขัด-ปฏิเสธ”มาตลอด.. จน“ธนาคารพาณิชย์” กินดอกเบี้ยคำใหญ่ ได้กำไร“ปีละเป็นแสนล้าน”

ใครก็เห็นว่า หาก“ลดดอกเบี้ย”ลงมา.. “การเงิน”จะเกิด “สภาพคล่อง”ไปทั่วทั้งชาติ

อย่าลืมว่า..“อำนาจ”เพื่อ“ปลดผู้ว่าฯแบงก์ชาติ” อยู่ในกำมือ“นายกฯเศรษฐา” ..ทว่าแต่ท่าน“ไม่กล้าตัดสินใจ”

กลัว“ถูกฟ้อง” เป็นเหตุให้“หลุดจากตำแหน่ง”..ปัญหาเศรษฐกิจถึงได้“คาราคาซัง”เป็นตังเมเช่นนี้

จึงนำมาซึ่งผลลัพธ์ ทำให้“เศรษฐกิจตกต่ำ”.. หากท่านใช้อำนาจปลดเขาไปคนเดียว ทุกอย่างต้องดีขึ้น ไม่ใช่มัวมาหงออยู่

ไหนว่าทำเพื่อประชาชน.. “เศรษฐกิจค้าขายปี้ป่น” ท่านยังทนได้ อีหยั่งงี้ รู้สึกว่ามันจะมากเกินไป

“กะพรุนไฟ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *