23 ตุลาคม 2024

บิ๊กโจ๊ก ใช้ ม.157 กล่าวหา ‘เศรษฐา’ ไม่แต่งตั้ง ผบ.ตร.ตามหลักอาวุโสและความรู้

0

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางนำเอกสารประกอบด้วยแฟ้มใหญ่ 2 แฟ้ม กับแฟ้มเล็กอีก 2 แฟ้ม เข้ายื่นต่อ ป.ป.ช. จากนั้นได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชน ว่า วันนี้มายื่น ป.ป.ช.มีวัตถุประสงค์ 2 เรื่อง คือเรื่องแรกเป็นการยื่นหลักฐานเพิ่มเติมคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ของ สน.เตาปูน เป็นเจ้าของคดี โดยนำเอกสารมายื่นทั้งหมด 4 แฟ้มใหญ่ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

“คดีนี้ผมอยู่ในชั้น ป.ป.ช. ทำให้สถานะของเปลี่ยนจากผู้ต้องหาเป็นผู้ถูกตรวจสอบ หาก ป.ป.ช.ตรวจสอบแล้วพบว่าผมมีความผิดก็ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาไปตามขั้นตอน แต่หาก ป.ป.ช.ไม่พบความผิดก็ถือว่าผมเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งวันนี้เอาพยานหลักฐานมาชี้แจงเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา”

ส่วนคดีที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทราบว่ามีการยื่นฟ้องลูกน้องของตน 8 นาย ไปยังศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ทราบว่าอัยการตีสำนวนกลับมาที่พนักงานสอบสวน สน.เตาปูน เพราะคดีดังกล่าวไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตำรวจ โดยพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ส่งสำนวนของลูกน้องมายัง ป.ป.ช.แล้ว

“วันนี้ใครทำอะไรต้องรับผลไปตามนั้น วันนี้การสอบสวนต้องชอบด้วยกฎหมาย ถ้าไม่ชอบไม่สามารถนำเข้าสู่สำนวนได้”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า เรื่องต่อมาคือ มายื่นประเด็นการกล่าวหา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตาม ม.157 ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยยื่นกล่าวหาไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 ส่วนที่ต้องมายื่นใหม่ เพราะทราบว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ถอนฟ้องไปแล้ว จึงตัดสินใจมายื่นฟ้องใหม่ในวันนี้ ฐานะพยานผู้เสียหาย คือ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้อาวุโสลำดับที่ 1 หากพิจารณาตาม พ.ร.บ.ตำรวจ การพิจารณาตำแหน่ง ผบ.ตร.ต้องยึดตามหลักการ 2 ประเด็นคือเรื่องความอาวุโสและความรู้ ประสบการณ์ด้านการสืบสวนสอบสวน และการป้องกันและปราบปราม แต่ในวันพิจารณาดังกล่าวตนได้ฟังในคลิปที่นายกฯแถลงต่อสื่อ ให้เหตุผลในการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร. เพราะสามารถตอบสนองนโยบายรัฐบาลได้ และเป็นที่ไว้วางใจของรัฐบาล ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้เป็นไปตามหลักกฎหมายของ พ.ร.บ.ตำรวจ จึงมองว่าถ้าเป็นแบบนี้องค์กรนี้ก็ไม่ต้องใช้ พ.ร.บ.ตำรวจฉบับนี้

“ยืนยันว่าที่มาร้อง ป.ป.ช.ในวันนี้ไม่ได้เป็นการไล่เช็กบิล แต่เป็นการรักษาระเบียบกฎหมาย และปกป้องสิทธิของตัวเอง ซึ่งสาเหตุที่มายื่น ไม่ได้เป็นการจัดหนัก แต่การทำอะไรนั้นจะต้องคิดและดำเนินการมาแล้วอย่างรอบคอบ”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงกรณีนายกฯที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ในคดีของตัวเองและคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ว่า เป็นแค่วาทกรรม หรือวลี ยืนยันว่าการมายื่นกล่าวหานายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการโกรธเคืองเป็นการส่วนตัว แต่เนื่องจากนายกฯทำผิดกฎหมายก็ต้องทำไปตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นองค์กรจะอยู่อย่างไร

“วันนี้ไม่ได้บอกว่าผมจะได้เป็น ผบ.ตร.ในอนาคต ผมอาจถูกให้ออกจากราชการเลยก็ได้ แต่องค์กรยังต้องมีอยู่ หากไม่ทำตาม พ.ร.บ.ตำรวจฉบับนี้ ก็ต้องไปแก้ พ.ร.บ.ตำรวจไม่ให้มีคุณสมบัติอาวุโสและความรู้ความสามารถ”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ส่วนการจะฟ้องใครเพิ่มเติมอีก ทั้งนายกฯที่จะต้องฟ้องเพิ่มกรณีการเซ็นให้ตนกลับไปสำนักงานตำแหน่งแห่งชาติ และเรื่องเซ็นรับรองผลการประชุม ก.ตร. คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ รวมถึงกูรู จะต้องขอตรวจสอบจากรายละเอียดให้รอบคอบก่อน เพราะมีเอกสารหลายอย่าง แต่ยืนยันว่ามีการฟ้องอย่างแน่นอน

ส่วนที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แสดงความเป็นห่วงว่า การฟ้องคนนั้นคนนี้ไปทั่ว อาจโดนไล่ยิงเหมือนสมัยก่อน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้กังวลอะไร แค่ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ตอนนี้ก็ฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้วหลายคน ไม่เห็นถูกยิงสักที มีเพียงโดนยิงรถในคดีเดิมเมื่อปี 2563 โดยคดีอยู่ระหว่างการสืบสวน แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าใครทำแต่พูดไม่ได้ เพราะจะไปเข้าความผิดหมิ่นประมาท แต่เชื่อว่าตอนนี้เวรกรรมกำลังตามทันคนที่ก่อเหตุ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความขัดแย้งกับตัวเอง โดยบอกว่าถ้าตายก็ยังไปเผาผี ไปร่วมงานฌาปนกิจได้อยู่ มองว่าอยากจะพูดอะไรก็พูดไป ถ้าแค่พูดเสียดสีก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเข้าข่ายหมิ่นประมาทก็จะดำเนินคดี อย่างก่อนหน้านี้ก็ได้ดำเนินคดีหมิ่นประมาทไปแล้วถึง 3 กรรม แต่ฝั่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติก็เลื่อนนัดไต่สวนมาตลอด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *