สร้างดีล-จับคู่จิ้น
“พระพุทธเจ้า” ตรัสไว้ประดับโลกมานานกว่า ๒,๐๐๐ ปี นับเป็น“พระธรรม” ที่สืบกันมา หรือเรียกว่า“มุขปาฐะ” เป็นคัมภีร์ก็ว่าได้..
“เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด”
เป็นคำตรัส ที่“พระพุทธองค์” กล่าวแก่“โจรองคุลีมาล” ..จนประสบความสำเร็จ ได้สติทิ้งดาบสู่การ“บวชบรรพชา”
เป็นการหยุด“องคุลีมาล” รู้สึกตัว “การหยุดได้นั้น”ย่อมเป็นสิ่งดี
แต่“ความชั่ว” ของคนไทยในยุคนี้ นอกจากยับยั้ง “หยุดสติ” แสดงความชั่วไม่ได้แล้ว ยัง“ชั่ว”ยกกำลังสองอีกด้วย
มีการ“ปั่น” จนเครื่อง“มูลิเน็กซ์”ยังอาย..เพราะปั่นให้ฟูฟองอย่าง“ไร้สมอง” มาได้อย่างไรก็ไม่รู้
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” องคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านไปสู่“เส้นทางสายกลาง” ไม่เลือกเขา-เลือกเรา “ไม่อิงสี-ไม่มีการเอียงเอน” ยังจะไปดึงท่านเข้ามายุ่งเกี่ยวอยู่นั่นแหละ
ไฉนไยถึงได้มา“จับแพะ-ชนแกะ”..หมายถึงเอา “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ให้ตกจากอำนาจ
แล้วนำ“พล.อ.ประยุทธ์”กลับมา “เสียบปลั๊ก”ต่อความหวังไฟของประเทศ ให้สว่างจ้าขึ้นมา
เพราะการที่“ไม่รู้จักหยุด” ..สิ่งนี้จึงทำให้“ประเทศชาติถอยกรูด” ซอยเท้าอยู่กับความย่ำแย่ไม่เปลี่ยนแปลง
ถ้า“ยึดมั่น”อยู่ในกติกาอย่างตรงไป-ตรงมา ก็ปล่อยให้“รัฐบาลนิด”เขาบริหารราชการแผ่นดินไปตามวาระ ๔ ปี ไม่มีทาง“อำนาจจะงอก” เป็น“นายกรัฐมนตรี”ได้นานกว่านี้..เพราะนี่เป็น“เงื่อนไขกรอบรัฐธรรมนูญ”ที่กำหนดเอาไว้
ในเทอมนี้ รัฐบาลจะหมดโควตาในปี “๒๕๗๐” อีกแค่“๓ ปีกว่าเท่านั้น” ก็ต้องหอบเสื่อ-หอบผ้าพ้นไปจากทำเนียบฯ
หากแม้นในสมัยที่ ๒ “เพื่อไทย”สามารถ“รวบรวมเสียงข้างมากได้” จะให้“เศรษฐา” มาเป็นนายกฯสมัยที่ ๒ ก็ทำได้
เมื่อครบ “๘ ปี บริบูรณ์ปาล์ม” ไม่สามารถให้“เศรษฐา”กลับมาได้อีก..ต้องรีเทิร์นไปคุม“แสนสิริ”เหมือนเดิม
เพราะการไม่รู้หน้าที่ และ“หยุดไม่เป็นนี่แหละ” ได้บั่นทอน เซาะกร่อน“เสถียรภาพประเทศ”ให้คลอนแคลนสั่นพั่บ ๆ
ถ้า“รัฐบาลประชาธิปไตย”ไปตามวาระ ๔ ปี แล้วมา“เลือกตั้งกันใหม่” เราก็เจริญรุดหน้ากว่าสิงคโปร์และมาเลเซีย เพราะเราเป็น“แผ่นดินทอง” มีความอุดมสมบูรณ์ด้วย“ทรัพยากรธรรมชาติ” ทั้ง“น้ำจืด-น้ำประปา”มีใช้หลากหลาย
“ถ้าหยุดตัวเอง”ไม่ปั่นกระแส “เรียกร้อง-ให้ก้องแผ่นดิน” อยากให้“บิ๊กตู่”มาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก.. เราคงเดินหน้าเร็วจี๋ “ความแตกแยก”ก็ไม่ต้องเกิด.. “เลิกเสียเถิด” ความคิดที่ไม่เห็น“กฎหมายบ้านเมือง”อยู่ในสายตา
ใครดี-ใครเด่น หากคิดว่า“ใครมีความสามารถ” ครบ ๔ ปี ก็ส่งเทียบเชิญไปให้ท่านมาลง“เวทีลุยไถ” เลือกตั้งก็ได้ “ชนะ”ได้เสียงข้างมาก-ไม่ยากเลย ที่จะเป็น“นายกรัฐมนตรี” ที่แสนจะ“สมศักดิ์ศรี” เพราะมาจากอำนาจของประชาชน
“หมดเวลาแล้ว” ที่ใช้วิธี“แหกทางโค้ง-แซงทางใน” ลัดคิวมาเป็น“ประมุขทำเนียบฯ” ตามคุณห้อย-คุณโหน ส่งเสียงมา
ขณะที่มีการ“ปั่น” ให้“น้องเล็ก”ใน“๓ บูรพาพยัคฆ์” กลับมาคุมบังเหียนของประเทศ
ด้าน “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ทบ. อดีตรมว.กลาโหม อดีตรองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
มีการ“ตีล่อโก๊ะ” กระหน่ำลงมือตีกลองกันไม่เบา ว่าจะมีการ“รับผู้อพยพจากพรรคก้าวไกล” ที่โดนยุบวันข้างหน้า เพื่อมาเสริมจำนวน“ยอดผู้แทน” ขึ้นเป็น“นายกรัฐมนตรี”
อีกกระแสว่า“มีดีล” เป็น“คู่จิ้น” ที่จะ“จัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน” โดยเอา“พรรคเพื่อไทย”และ“เศรษฐา”ลง ช่างเป็นการ“ปล่อยข่าว-ไร้เรื่องราวอันมีสาระ”.. เป็นความคิด“เป็นสับปะรังเค” ที่แสนแย่เอากันมากๆเลย
เหมือนว่า “พล.อ.ประวิตร” ท่านหลับไม่รู้-นอนคู้ไม่เห็น แต่ก็ยังปั่น-ให้รัฐบาลซวนเซอยู่นั่นแหละ
ใครจะเป็น “นายกรัฐมนตรี” ก็มาตาม “รัฐธรรมนูญ” ที่ให้เปิดโอกาสเอาไว้ ถึงสง่างาม ทุกประการนะคุณ
ครบ ๔ ปีก็มาเลือกตั้ง “ใครชนะ” ก็ได้เป็น“นายกฯ” ตามที่ประชาชนเขาสนับสนุน
อย่าให้เสียงปลอมที่ไม่แท้..“แพ้แล้วยังไม่รู้จักแพ้” ดับเบิ้ลล์แย่ เพราะมันไม่ถูกกับวิถีนั่นปะไร
“กะพรุนไฟ”