24 ตุลาคม 2024

“แพ้สงคราม” ทั้งทางน้ำ-ทางบก-และ ทางอากาศ “ปลาหมอคางดำ”กลายเป็นเจ้ายุทธ์จักร ทั้ง“ลุ่มแม่น้ำ-ลำคลอง”ที่เป็นน้ำจืด-สืบพันธุ์กันได้รวดเร็ว และสมบูรณ์อย่างยิ่ง

ไป“ทางอากาศ”…เมื่อ“นก”ที่“กินปลาเป็นอาหาร” เหินบินคาบ“เหยื่อปลาหมอคางดำ”ไป..แต่เมื่อมันดิ้นหลุดจากจงอยปากของนก มันก็จะลงไปยัง“ถิ่นน้ำกร่อย” และปรับสภาพ ลงไปสู่“อ่าวไทย”ถิ่นทะเลเค็ม

มี“ความทนทาน” ดำรงชีพอยู่ได้ใน“ริมฝั่ง-ชายหาดทะเล” น้ำเค็มก็ไม่ใช่ศัตรูที่มันจะอยู่กันไม่ได้

เสมือนว่า เป็น“เพชฌฆาต-สปีชีส์”ที่เพียบพร้อมทางพันธุกรรม ให้ลูกหลานสืบพันธุ์ปลาได้สบายใจครีบปลาของมัน

เพราะสายพันธุ์ทั้งแข็งแกร่ง แพร่ขยายตัวได้เร็วยิ่งกว่า“รถไฟความเร็วสูง”ที่เราต้องการเป็นอันมากส์เสียด้วย

มันครองการสมสู่-ครองกันเป็นคู่ อยู่สบายทั้งน่านน้ำจืด-น่านน้ำทะเล โดยสปีชีส์ที่“ไม่เป็นหมัน”แต่ประการใด..มีสัญชาตญาณ“อมไข่-อมลูกปลา”เอาไว้ในปาก ลูกมันจึงไม่เป็น“เหยื่อ” ให้“ปลากินเนื้อไทย”ได้หม่ำ

ยล แล มองดูลงไปใน“คุ้งน้ำ” จะเห็นว่ามันลอยเป็นแพ เต็มพรืดหัวดำ-อยู่เหนือน้ำกันสลอน

สายพันธุ์ปลาที่คงทน ถูกขนเข้ามาในแผ่นดินไทยเมื่อปี“๒๕๕๓” โดยบริษัทยักษ์ใหญ่“ผู้ค้าปลา-ค้าสัตว์”นำเข้ามา

เพื่อแสวงหากำไร ที่ได้บานเบอะ-เยอะมาก เกินกว่าต้นทุนในการนำเข้า ที่เสียเงินแค่หยิมมือ-แต่ฟันกำไรอื้อจนหลังอาน

“พ่อค้าหัวใส” มองการณ์ไกล เห็นกำไรอยู่แค่เอื้อม จึงนำเข้ามา เพื่อ“ป้อนเป็นอาหาร”ให้ชาวบ้าน-คนไทยได้รับประทานกัน

เพราะมันเป็นผู้ที่มี“ประสิทธิภาพ-คับแก้ว”ในการแพร่พันธุ์ไว และขยาย“วงวาน-ว่านเครือ”ในทุกสภาพอากาศ เพียงแค่“๒๕ วัน” ไม่เกินกว่า“๓๐ วัน” ก็จะ“ผลิตคลอกใหม่”ออกมา ไวเสียยิ่งกว่าโกหก

น่าจะเป็น“ความลำบาก-ยุ่งยาก”ที่เหลือประมาณกันอย่างแน่นอน ที่ยากเย็น-เข็ญใจในการ“ทำหมัน” ไม่ให้ปลาหมอคางดำ“ออกลูกได้”กระมังมั้ง

เพราะถ้า“นำเข้า” แต่ไม่สามารถ“ตัดตอน” ทอนอวัยวะสืบพันธุ์เพื่อไม่ให้มีลูกได้..การค้ากำไรอันได้“เล็งการเลิศ-จะเจ๊งเถิดเทิง”ขึ้นมา..ซึ่งเป็น“ความผิดพลาด” ที่“มองตลาด”ไม่ทะลุ

ไม่เหมือนกับ ปลาชนิดหนึ่ง” ที่คนนิยมมา“เผาย่างเกลือ” และทำ“ต้มยำมะนาวดอง”..เขา“ทำหมัน”มันอยู่หมัด

สูตร“ตบแต่งพันธุกรรมปลา”นี่แหละ..ที่เขาร่ำรวย“เป็นโคตรเศรษฐี”?…

ทำธุรกิจ“ผูกขาด” ทั้ง“พันธุ์ปลา”และ“อาหารสัตว์”เอาไว้ในมือ..ไม่ได้“เผื่อแผ่” ใจกว้าง-เปิดทาง ให้คนไทยได้รวย

ถ้า“ปลาหลายชนิด”ไม่ถูก“คุมกำเนิด” ให้เกิดง่าย-โตไวในธรรมชาติเสียอย่างแล้ว จะเพิ่มธุรกิจการทำมาหากินให้กับคนไทยอีกหนึ่งอาชีพ ในการทำประมงน้ำจืด “ยืดเป็นอาชีพหลัก”ลงทุนน้อย-กำไรสูง

แต่เพราะ “เจ้าสัว-หัวคิดการค้า”ฟันกำไร เพื่อเข้ากระเป๋าคนเดียวนี่แหละ…ไม่เรียกว่า“ใจดำ-เคราะห์กรรม”ของคนไทยได้หรือไร?..

เพราะ“ต้นทุนเบื้องแรก” ต้องเริ่มต้นจากการ“ซื้อพันธุ์ปลา”กันเป็นอันดับแรก

แพงตั้งแต่คิด“เลี้ยงปลา”ออกมาขายกันแล้ว..อีกทั้งต้องซื้อ“หัวเชื้ออาหาร” เป็นต้นทุนที่แพงยกระดับขึ้นมาอีก

ฉะนั้นการ“กำจัด-ปลาหมอคางดำ” ใช้“เงินภาษี”ของคนทั้งประเทศ เพื่อมา“กวาดล้าง”ให้หมดไปทั้งหนอง-คลองบึง

จึงไม่ควรใช้“เงินแผ่นดิน” ออกมาจาก“คลังหลวง”ทั้งหมด

ต้องเร่งดำเนินคดีกับคนที่“สั่งนำเข้า-เข้ามา” มิใช่เอาเงินคนในแผ่นดินไปปราบ ให้“เศรษฐีงาบกำไร”กัน..

ใครนำเข้า มันต้อง“รับผิดชอบ” ต้องชดใช้“ค่าความเสียหาย” อย่าปล่อยให้มัน“ลอยนวล” อยู่อย่างสนุกสบาย

กำไรที่มันผูกขาด..“กินไปร้อยชาติ” ยังรวยทะรูดทะราด แต่คนทั้งชาติมาจ่ายแทน มันถูกหรือ??

“กะพรุนไฟ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *