สาธุชน-ดีล้นไปไหม?
“ใส่ความผิด-บิดกันเต็มเกียร์”…มิได้“เข้ามุม-แต่ขยุ้ม”กันจนเละ
ทุกอย่างต้องยึด“บรรทัด-หลักฐานแห่งกฎหมาย”ในการประกอบ“เอาผิด”กับคนนั้นๆ จริงไหมท่านผู้ชม
อย่าได้อ้าง“สมุฏฐานแห่งเหตุ” ว่า“สาธุชนต่างรับรู้กันอย่างทั่วไป”..“เอาขี้ปาก-มายึดเป็นราก”ถูกต้องหรือ? “ความเที่ยงธรรม”จึงสึกกร่อน ร้อนเร้าในสายตาฝ่ายประชาธิปไตย
ลองมาพิเคราะห์-เจาะกันดู ข้อใดเป็นสิ่ง“ที่มีประโยชน์”ให้กับแผ่นดินมากกว่ากัน
กลับไปเอา“คำถากถาง” ค่อนแคะ พูดเหน็บ ให้ความสำคัญกับ“รากฝอย”มากกว่า“รากแก้ว” ต้นไม้จะอยู่ได้อย่างไร?
ตรงนี้เห็นด้วย และคล้อยตาม “คืนคนสู่สังคม ให้โอกาสที่คนที่ผิดพลาด” กลับมาเดินบน“ทางสะอาด” พร้อมเป็นพลังให้ชาติ สร้างสมดุลแห่งความเป็นจริง
ไป“ยึดติด” สร้าง“สีดำสนิท”ให้คนที่ได้รับโทษไปแล้ว..และยังตาม“จิก” เขาไม่เลิก นี่เป็นการปิดทาง ไม่สร้างโอกาสเลย
แล้วเราจะได้“ผองคนไทย-กลับมาร่วมรับใช้ชาติ”กันได้ฉันใด!!
“เหยียบย่ำ-ซ้ำเติม” คือการทำให้จม คนที่ผิดพลาดด้วย“ความจำใจ” หรือ“ถูกกลั่นแกล้ง”นั้น..ชีวิตเขาไม่ควร“ตกนรก-หมกไหม้” จนวันตาย
น่าจะเห็นใจและใส่ใจกันมากกว่า มิใช่มา“สตรอง” ตั้งกฎแข็งอย่างเด็ดขาด ที่ไม่ยอมให้คนเหล่านี้ได้กลับมาสู่สังคม
ชีวิตของคนที่ผิดพลาดนั้น ไม่ง่ายเลยที่จะกลับสู่สังคมได้อย่างปกติ เหตุหนึ่งก็มักจะ“ถูกปิดกั้นโอกาส”ในการประกอบอาชีพ หรือกลับไปสู่สภาพแวดล้อมเดิมๆ
เพื่อใช้“ศักยภาพ” และ“ความสามารถตนเอง” ประสานสร้างสิ่งดีๆ ซึ่งเกิดขึ้น และได้“พิสูจน์กันมาแล้ว”
“ความผิดที่ก่อ” เสมือนกับ“วงล้อชีวิต” เมื่อเขาจมกองทุกข์ ได้รับกระทงความทุกอย่าง ควรเปิดพื้นที่ให้เขาจริงไหม
จะมา“กางปีก-ตามหยิกตามข่วน” กันโดยไม่เลิก แล้วเราจะได้“คนคืนสู่สังคม”กันอย่างไร
“รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ๑” ของ“แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ผู้ประกาศิต-คิดได้เฉียบคม“สร้างโอกาสให้ทุกคนในแผ่นดิน” สิ่งที่พูด-เป็นจุดที่เลิศล้ำ ควรเร่งทำทันที..อย่าได้เอาคำ“ถูกตีตรา” กล่าวหาบุคคลนั้นอย่างไม่สิ้นสุด
ขืนเอาคำบางคำมา“เป็นยึดหลัก” เท่ากับ“ผลักไส”ผู้ที่เคยชดใช้ความผิด-ติดคุกตารางกันมาเป็นแสน-เป็นล้านคน..ให้กลายเป็น“ขยะแผ่นดิน” เป็นสิ่งเสื่อมทรุด-หลุดวงโคจร เราจะเสียธรรมชาติที่ปกติวิสัยกันเกินไป
ลองมาดูเกร็ดประวัติกันเสียให้ชัด “อันวาร์ อิบราฮิบ”เจอมรสุมการเมืองในมาเลเซียมานาน ๒ ทศวรรษ กว่า ๒๐ ปี ต้อง“โทษจำคุก” เพราะมีเรื่อง“ขัดแย้ง”กับ“อดีตผู้นำประเทศ”..
หลังเจอ“สึนามิ”คลื่นลูกใหญ่..ในที่สุดพรรคเขาฝ่าฟันกวาดที่นั่งได้มากที่สุด แม้นไม่ได้เสียงข้างในสภาฯก็ตามที
แต่ประชาชน และนักการเมืองมาเลเซีย ก็มอบความไว้วางใจให้เขามาเป็น“นายกรัฐมนตรีคนที่ ๑๐”
หลังนอนคุก-ทุกข์นานกันมา..เขาก็ได้รับโอกาส“คืนคนสู่สังคม” วิบากกรรมกลั่นแกล้งก็ปลดเปลื้องเมื่อมีการให้โอกาส
กระทั่ง“อดีตประธานาบิดี เนลสัน แมนเดลา” ถูกจำคุกที่เกาะโรบเบินเป็นเวลา ๑๘ ปี จากโทษติดคุกทั้งสิ้น ๒๗ ปี เขาเป็น“ผู้นำชนผิวดำ” บุคคลสำคัญของแอฟริกาใต้ และเมื่อติดคุกอยู่บนเกาะ เขาทำงานหนัก ขุดเหมือง-ขุดหิน
แต่หลัง“ท่านเนลสัน”หลุดจากห่วงโซ่ โดนจำคุกกันยิ่งกว่าหัวโต ท่านก็ได้รับโอกาสคืนสู่สังคมทันที
และก็“ไม่เสียของ”..เมื่อท่านได้เป็น“ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้” ที่พัฒนาชาติ ตรึงตา-ตรึงใจ คนทั้งโลก
“การให้โอกาส” เป็นสิ่งที่ประชาชน และ“ผู้นำ” พึงต้องปฏิบัติ ยึดหลักการนี้ให้มั่น
ในเมื่อ“รับโทษ”โดยสมบูรณ์ ย่อมเป็น“คนสะอาด” ปราศจากคำติฉิน หรืออยู่ช่วง“พิจารณาความ”เขาก็คือ ผู้บริสุทธิ์
ไม่ว่า“รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า-ชาดา ไทยเศรษฐ์-เอกนัฐ พร้อมพันธุ์-ไผ่ ลิกค์” เขาเป็นคนของประชาชน
ชนะเลือกตั้งจากการ“กลั่นกรอง” มาจาก“เสียงสวรรค์ของประชาชน” ควรได้สิทธิ์อย่างชอบธรรม
การคืนคนให้แก่สังคม..“เป็นการสร้างโอกาสที่เหมาะสม” ไม่ใช่ห่มห่อเขาไปทั้งชีวิต มันไม่ถูกต้อง
“กะพรุนไฟ”