พูดเป็นนาย-กายเป็นบ่าว
“เข้ามาแก้ไข ไม่ใช่เข้ามาแก้แค้น” ม็อสโต้ชิ้นเอก เป็น“วาระสำคัญ”ที่อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ ๒๘ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ได้กล่าวเป็น“คำปฏิญาณ”ไว้
นับเป็น“พันธะนาการ”มัดเธอดิ้นไม่หลุด เพราะถึงใครจะทำเรื่องเลวร้าย ทิ้งไว้เป็น“มรดกแผ่นดิน” ได้แต่หาหนทางแก้ไข
จะมา“ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน” เพื่อใช้กฎหมายเล่นงานพวกนี้..เดี๋ยวจะเป็น“สตรีหนึ่งเดียวในโลก” ที่มีวาจา“สับปลับ” พูดเป็นมะกอกสามตะกร้าที่ปาไม่ถูก
เมื่อ“ถูกร่างแห”แห่งคำพูดโถมทับกันเอาไว้ จึงทำให้“ศัตรูต่างความคิด” พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ที่“นายกฯยิ่งลักษณ์”ไม่ใช้“ไม้แข็งปราบ”
พวก“นกหวีด”ร่วมมือกับ“เหล่า กปปส.” และ“นักรบลายพราง”บางคน..ออกมาปฏิบัติการณ์-ผลาญประเทศไปสู่“การปฏิวัติ”ที่เขาได้“วางแผน-วางงาน”ในการ“เขี่ยบอล” เพื่อยิงให้เข้าประตู“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”ทันที
จงโปรดรู้กันเอาไว้ด้วยว่า “คำพูด”เสมือนหนึ่งว่า“เป็นนาย-กายเป็นบ่าว
ดังนั้น“คำพูด”จึงเหมือนกับ“อาวุธ” ที่แม้ไม่เจ็บกาย แต่สามารถ“กรีดใจ”ของบางคนถูกบาดเจ็บลึก ต้องระวังให้ดี..เพราะเมื่อพูดไปแล้วยากที่จะเอาคืน
บทเรียนของ“อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์” ได้วิ่งผลัดส่งไม้มายังหลานสาวสุดที่รัก “อุ๊งอิ๊ง”แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ ๓๑
ผู้มีเพอร์เฟค-สเปค ตรงใจกับคนรุ่นใหม่ จึงไม่อยากให้เธอตกเป็น“ทาสแห่งคำพูด” จนเอี้ยวกระดิกตัวไม่ออกเหมือน“คุณยิ่งลักษณ์”
ยิ่งเธอต้องอยู่ในในฝูง“ไฮยีน่า” สัตว์ป่ากินเนื้อแห่งแอฟริกา ที่กรูกันไล่ขย้ำอย่างไม่ปราณี-ปราศรัยแม้แต่น้อย เหมือนจะขบกัด“นายกฯอุ๊งอิ๊ง”ให้เป็นซากศพเร็วๆ เพื่อที่มันหมายจะ“กินเลือด-กินเนื้อ”ให้สาแก่ใจ
เป็นไปตาม“ออเดอร์” และ“ใบเช็คบิล” ที่เจ้าของสังกัด ทั้งหน้าจอ-สื่อวิทยุ และหนังสือพิมพ์ ที่ร่วมปฏิบัติการณ์ “หมายทิ่ม”ให้ตายโดยพลัน
บางคนชั่วร้าย “ใส่ไฟ”กันอย่างเป็นคุ้ง-เป็นแคว ว่า“นายกฯแพทองธาร” มีอายุ“การเป็นรัฐบาล” ไม่เกิน“ตรุษจีน”ที่จะถึงนี้
มันจึงจงใจ“ปั้นข่าว” สารพัดเลวโยนเข้ามาใส่หน้าเธอ หมดสัญชาติแห่ง“ความเป็นลูกผู้ชาย”กันไปเลยทีเดียว
ช่างชั่ว-เห็นแก่ตัวนัก มากล่าวหาว่า“รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง” เป็น“ครม.สืบสันดาน” และ“ครม.ครอบครัว” แต่ไม่หันดูกำพืด-พฤติการณ์เลวตนเลย
ที่ออกมาเป็น“ไฮยีน่า” และเป็น“อีแร้งล่าเหยื่อ”กันอยู่นั้น…มันทำด้วยอุดมการณ์ แรงกาย แห่งความปรารถนาที่หวังดีใช่หรือไม่
แต่ละคนล้วนมี“ประวัติเลว”ติดตัว..กันยาวเป็นบัญชีหางว่าว ทีเดียวเชียว บางคนกระทำแม้กระทั่ง ไม่ยอมให้“ผู้ที่ซื้อหุ้น”เข้าร่วมประชุม ทั้งที่เป็น“เอกสิทธิ์”อย่างชอบธรรม ที่เขาสามารถทำกันได้ทั้งโลก
แต่มันก็ใช้“อำนาจเถื่อน” ที่เสมือนว่าไม่มีบทบัญญัติเอาไว้ใน“รัฐธรรมนูญ” ให้อำนาจแม้แต่สักนิด
ก็ยังใช้“อำนาจดิบ” หวังจะหยิบชิ้นปลามัน เพื่อที่จะดำรงอยู่ในตำแหน่ง“เจ้าของสิ่งพิมพ์”ได้อีกต่อไป
พลันคดีนี้เข้าสู่กระบวนการ“แห่งศาลยุติธรรม” ความเลวที่ได้ก่อเอาไว้กับ“ผู้ที่ถือหุ้น”..มันจึงถูกลงทัณฑ์ “ควักเงินชดใช้”จ่ายบานตะไท
มีพฤติการณ์“ขี้ฉ้อ” ส่อไปในทางไม่ซื่อสัตย์..ยังจะมีหน้ามาเป็น“สื่อ” แอบอ้างตนว่า“เป็นกลาง” มันช่างไม่อายต่อผู้คน
ยามนี้เห็นร่องรอยของ“นายกฯอุ๊งอิ๊ง” เทียบได้จะเป็น“นายกฯปู”คนที่สอง ที่“ใช้ความสงบ-สยบความเคลื่อนไหว”
แต่หนทางแห่งการเป็น“ผู้นำ” ถ้าไม่มี“ความเด็ดขาด”ก็จะไม่“สามารถบริหารชาติ”ให้ราบรื่นไปได้อย่างสุขโขสโมสร
นายกฯเธอกล่าวอย่างนุ่มนวล สมกับเป็นสตรีไทย ที่งามทั้งกายและใจอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มว่า..“การที่ดิฉันเป็นตำแหน่งนายกฯ ไม่พร้อมที่จะข่มเหงใคร แต่พร้อมที่จะรับฟัง และพร้อมให้ความเคารพ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน”
“คิดว่าหลักการตรงนี้มันจะทำให้ทุกอย่าง เป็นไปได้อย่างสมูท คิดอย่างนั้น”
“นายกฯแพทองธาร” กล่าวเสริมด้วยว่า “มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ ถ้าทุกคนคิดว่าวิจารณ์อย่างมีเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์ คิดว่าโอเค ยอมรับกันได้”
จึงอยากจะหยิบยก-คำพูดนายกฯ ที่ว่า“มีตำแหน่งนายกฯนั้นไม่พร้อมที่จะข่มเหงใคร” ซึ่งควรจะแปลลงไป“ให้ลึกถึงรากแก้ว”กันเลย
ที่ว่าไม่“ข่มเหงใครนั้น”..น่าเป็นการ“ไม่ใช่อำนาจรัฐ”และ“กฎหมายของประเทศ”ไปย่ำยี่ใคร ไม่ให้ได้รับความเป็นธรรม นี่แปลตรงตัวเช่นนี้
เดี๋ยวมันจะเหมารวมเหมือนวาทะกรรม“นายกฯปู” ที่ว่า“เข้ามาแก้ไขไม่ใช่มาแก้แค้น” มันจึงทำทุกอย่าง ล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ในที่สุด
“ไม่ข่มเหงใคร”..แต่ถ้าใคร“ทำเลวร้าย สร้างภัย-อันตรายให้บ้านเมือง” ต้องจัดการใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาด
อย่าให้“พวกคนเลว”เอาคำพูด“นายกฯ”มาเป็นตัวกำหนดผูกมัด
กฎหมายต้องเจ๋ง..“นี่ไม่ใช่เป็นการข่มเหง” แต่เล่นงานพวกปากเก่งที่ทำร้ายแผ่นดิน ขอรับ
“กะพรุนไฟ”