นักรบอวตาร-ลุยจับกันเสียที
ยอดมนุษย์ผู้ที่เป็น“สมองกล”แห่งไมโครซอฟฟ์ ผู้บุกเบิก“คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล” กำลังเป็นห่วง“โลกยุคใหม่” ที่รับมือกันไม่ได้ สร้างความเสียหาย“โคตรระดับบิ๊กของโลก”กันทีเดียวเชียว
จากความร้ายแรง“แห่งข้อมูลเท็จ” ที่“เจ้าเอไอสร้าง” จนเป็นการชี้นำสังคม
ตกอยู่ใน“สภาวการณ์”เฉกเช่นกับ“ประเทศไทย” ที่“เอไอ”มาจากน้ำมือของพวก“ไอโอ” สร้าง“ข้อมูลเท็จ”อย่างเบ็ดเสร็จขึ้นมาทำลายกัน
ทั้งที่เรามี“มือปราบเทคโนโลยี” ทั้ง“ทหาร-ตำรวจ” เพื่อปราบปรามการสร้าง“วาทะกรรม”ผ่านเอไอจาก“นักรบอวตาร”
ใช้งบกันไปอย่างมากมาย แต่ก็หยุด“ความตำบอน” เป็นหนอนไชประเทศให้แตกแยก เกิดขึ้นในหมู่“คนรุ่นใหม่”กันไม่ได้เสียที
อยากให้“คุณสรวงศ์ เทียนทอง” รัฐมนตรีดิจิตอลคนใหม่ ป้ายแดงถอดด้าม ร่วมมือกับ“ทหารและตำรวจ” ตามติด-พิชิตไอโอให้อยู่หมัด
เราเข้าสู่“โหมดความสมานฉันท์” ไปได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีพวก“สามานย์” ปล่อยข่าวเท็จกันทั่วบ้าน-ทั่วเมือง ไม่คิดถึงชาติบ้านเมือง จะร้าวฉานเกิดรอย“ปริแยก-แตกความคิด”กันอย่างไม่สงบสุข
นี่เป็น“ภัยอันตราย-ตัวใหม่” ที่กัดกร่อน-บ่อนเซาะทำลายชาติอย่างเข้มแข็งอยู่ในขณะนี้
“บิลล์ เกตส์”ได้ให้สัมภาษณ์กับ“cnbc make it” ว่าการเปิดเผย“ข้อมูลผิด” และ“เฟคนิวส์” กำลังกลายเป็นเรื่องธรรมดามาก เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เช่น แชทบอท ปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) ทำให้สร้างข้อมูลเท็จเสมือนจริง
และยังนำไปเป็นช่องทาง เปิดเผย“ข้อมูลเท็จ”ได้รวดเร็ว อย่างมีประสิทธิภาพเสียด้วย
ทำให้“ราชาคอมพิวเตอร์”อย่าง“บิลล์ เกตส์” ตระหนัก และเป็นห่วงอันตรายกับเรื่องนี้เป็นอันมากส์
ยืนยันอย่างขันแข็งจาก“บิลล์ เกตส์”ด้วยว่า..ข้อมูลผิดๆที่เกิดจากเอไอสร้างขึ้น ในความเสี่ยงอันดับต้นๆของโลกในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา
เป็นคำยืนยันที่มาจากผลสำรวจของ“เวิร์ดอีโคโนมิคฟอรั่ม” ตั้งแต่เดือนมกราคม เมื่อต้นปีที่ผ่านมา…
ประกอบกับผลสำรวจของ“rew reseaech conter” เมื่อปี ๖๖ พบว่า “ชาวอเมริกัน”๕๕% อยากให้รัฐบาลสหรัฐ“ลงแส้” ดำเนินการอย่างหนักหน่วง เพื่อจำกัด“ข้อมูลเท็จทางออนไลน์”
ทั้งนี้ “บิลล์ เกตส์”ได้พูดคุยกับบุตรสาว “ฟีบี้ เกตส์” ทำให้มองเห็นความร้ายแรงของปัญหานี้อย่างมากขึ้นตามมาอีก
“ประเทศไทย”ของเราในวันนี้ กลายเป็น“เมืองเด็กเลี้ยงแกะ” ปล่อยข่าวเท็จกันเยอะแยะตาแป๊ะไก๊กันก็ว่าได้
มุ่งหวังสร้าง“เรื่องเท็จ” กรอกในสมองบรรดาน้องๆคนรุ่นใหม่ ที่กำลัง“ตื่นตัว” เสพข่าวไม่เกิน ๘ บรรทัด ทาง“มือถือ”กันอยู่ในขณะนี้
เป็นการ“จุดชนวน” กวนน้ำในขุ่น..หวังผลลัพธ์ในการเก็บเกี่ยว กลุ่ม“เอไอ”ชุดนี้สร้างมาเพื่อชิงอำนาจไปจากมือ“รัฐบาลที่ชอบธรรม”
ไม่มี“การสร้างสรรค์” ในลักษณะนำความจริง-ความดีมาสู้กัน เพื่อ“โน้มน้าว”ให้ประชาชนได้คล้อยตา กับแนวคิด-ทฤษฎีที่มีประโยชน์
การ“ชิงอำนาจ”ผ่าน“เอไอ” สร้างความเท็จจนกระหึ่ม-สะบึมตรึมกันไปทั้งเมืองไทยนั้น มีแต่“ผลเสีย”..ไม่มีหรอก ในการใช้“ความคิดเอี้ยๆ” จะนำประโยชน์มาให้กับประชาชน และประเทศชาติได้
เมื่ออำนาจและหน้าที่เป็นของ“รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยกระทรวงดีอี ในการกำกับของ“สรวงศ์ เทียนทอง”
ท่านต้องโชว์สมรรถภาพที่คับแก้วออกมา เพื่อกวาดล้าง“ไอโอ”ที่สร้างข่าว“เฟคนิวส์”ผ่าน“เอไอ”เสมือนจริงกันอย่างเข้มข้น
ต้องเร่งจำกัด-ตัดวงจรอุบาทว์นี้ อย่าให้มันสร้างเฟคนิวส์เข้าไปสู่ปัญญาอันบริสุทธิ์ของคนรุ่นใหม่-เด็กไทย ที่ได้รับข่าวเท็จในขณะนี้
“อวตาร-เอไอ”ตัวใด-สร้างเรื่องร้ายกันขึ้นมา ต้องตามติด-ประชิดตัวกันให้ถึงบ้านอย่างทันควัน อย่าให้มัน“ลำพอง-ฮึกเหิม” ปฏิบัติการสร้างข่าวเท็จขึ้นมาทำลาย“พรรคการเมือง”ที่กำลังเป็น“รัฐบาล”อยู่ในขณะนี้
เพราะนอกจากจะไม่ร่วมมือ“ทำดีเพื่อชาติ”..ยัง“ทำเลว-เหลวไหล”กันอย่างไม่หยุด ใช้ได้ที่ไหนกันล่ะท่านสารวัตร
ปล่อยให้มัน“ลอยนวล-เป็นชนวน” ทำให้บ้านเมืองแตกแยกกันอีกไม่ได้ดอกพระคุณท่าน
ใครที่“เป็นมือ-เป็นเท้า” คลั่งไคล้“บางพรรค”จนหัวสมองนั้น ถ้าอยู่“ในกฎ-ในเกณฑ์” เป็นสิทธิ์ที่เขาจะแสดงออก ซึ่งความรัก-ความชังได้
แต่มาออก“ข่าวลวง”ผ่าน“เอไอเสมือนจริง” ย่อมเป็นการ“นำความเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์” จะต้องจัดการพวกมันเสียให้ราบคาบ
“บิลล์ เกตส์”เป็นห่วงการ“สร้างข่าวเท็จ” ที่เป็นดัง“เสมือนจริง” ที่ระบาด-ยึดหัวหาดกันไปอย่างรวดเร็ว ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย
ดูเหมือนว่า เรากำลังเป็น“ตำบลกระสุนตก” ให้“ไอโอ-ทำเอไอ”ทำลายชาติ เพื่อให้ประชาชน“แตกความสามัคคีกัน”
เป็นความห่วงใยอย่างใหญ่หลวงที่“บิลล์ เกตส์”ยังตกตะลึง-อึ้งในหัวใจกันมาอย่างหนัก
“สงครามปากท้อง” แก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน“ดิจิตอลวอลเล็ต ๑๐,๐๐๐” เข้าโค้งส่งเงินรับกันได้วันที่ ๒๐ กันยายนนี้
อยากเห็นการ“ดีเดย์” ปราบ“อวตาร”ทำ“เอไอเสมือนจริง” ว่าจะเกิดขึ้น“กี่โมงในวันไหน”
พวกนี้เป็นตัวบ่อนทำลาย..“รัฐมนตรีสรวงศ์ต้องปราบไวๆ”…ปล่อยสร้างข่าวเท็จไม่ได้ เพราะนี่เป็นความล่มจมที่ต้องเล่นงานกันทันที
“กะพรุนไฟ”