นักร้อง-ต้องจองจำมันบ้าง
“๒๔๙๙ อันธพาลครองเมือง” แต่ผู้ร่วมอยู่ในยุคสมัยนั้น เขาไม่ถือและตั้งตนว่าเป็น“นักเลง” หรือว่า“อันธพาล”แต่อย่างไร
เขาเป็นเพียง“นักเพลง” และ“จิ๊กโก๋” ที่มีความ“คลั่งไคล้”ในวัฒนะธรรมตกวันตก ที่ไหลบ่าเข้ามาท่วมท้นในสถานที่เที่ยวแหล่งพักผ่อนใจ เช่น “ถนนสิบสามห้าง บางลำภู วังบูรพา” ที่เป็นใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ เมื่อสัก ๖๗-๖๘ ปีที่ผ่านมา
เป็นยุคแห่งกลุ่มวัยรุ่นอันตราย ที่โด่งคับถนนสิบสามห้าง ไล่เลี่ย จาก “แดง ไบเลย์-ปุ๊ ระเบิดขวด- ดำ เอสโซ่ -ปุ๊ กรุงเกษม-จ๊อด เฮาดี้” และ ฯลฯ
เขาเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็น“ขาโจ๋” ในรุ่นเล็ก เกาะเกี่ยว-เที่ยวกันเป็นกลุ่ม นิยมมั่นหมายกับเสียงเพลงฝรั่งที่พรั่งพรูมาเข้าหู
ในช่วงปลายทศวรรษที่คาบเกี่ยวระหว่าง ปี ๒๔๙๐-๒๕๐๐ ประเทศไทยยุคนั้นมีการเปลี่ยนแปลงด้านการเมือง-เศรษฐกิจ และสังคม เป็นยุคช่วงหลัง“สงครามโลกครั้งที่ ๒” พันเกี่ยวเลี้ยวลดมาถึงยุค“สงครามเย็น” ทำให้เคลิ้มไปกับ“เจมส์ ดีน” และ“เอสวิล เพรสลีย์”
เมื่อไป“เป็นกลุ่ม-เป็นก้อน” จึงเกิดการปะทะ“ด้วยไม้-และมีด” เป็นที่หวาดหวั่นของ“สังคมผู้สุจริต”ในยุคนั้น
“ความอิดหนา-ระอาใจ” ทำให้คนไทยในยุคนั้น“คร้ามเกรง”ว่าจะถูกลูกหลง ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด
ทำให้“จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” ท่านใช้มาตรการเฉียบขาดของ“กฎหมาย” ออกมาปราบ-กำหราบ“๒๔๙๙ อันธพาลครองเมือง”ได้อยู่
เหมือนเฉกเช่นในปีนี้ ๒๕๖๗ ถอยไปเพียง ๑ ทศวรรษก็พอ “ลิงแห่งเมืองลพบุรี”ได้เข้ายึดครองถนน บ้านเรือนอาคารในเมืองละโว้ไว้เรียบวุธ
แม้นว่าจะมี“มาตรการ”ที่คิดว่า“เอาอยู่” ด้วยการจับลิงมา“คุมกำเนิด” ไม่ให้เกิดแพร่หลาย แต่ก็ไม่สำเร็จอยู่ดี ลูกหลานพญาวานร ของ“หนุมาน-สุครีพ” ให้ดินแดนเก่า“พระนารายณ์มหาราช”ยังทุกขเวทนาหนักกันสืบมา
แต่บัดนี้“มีข่าวดี”ออกมาแล้วว่า…ได้มีการนำ“ฝูงลิง”ที่ครองเมืองลพบุรีกันมานาน ออกพ้นไปจากเขตเมืองเป็นที่เรียบร้อยของชาวบ้านแล้ว
“คืนความสุข-ไร้ทุกข์” กลับกันมาได้อย่างแฮปปี้ และสุขสันต์ นำลิงที่เป็น“สัตว์ป่า” ที่ไม่ใช่“สัตว์เมือง” คืนกลับสู่ถิ่นพนาสนฑ์ ป่าดงอันเป็นที่อยู่ที่เป็นธรรมชาติตามกฎที่โลกได้สร้างกันขึ้นมา
เป็นการใช้“ความชอบธรรม”แห่งอำนาจ ในการ“ขจัดปัญหานี้”กันอย่างละมุน-ละม่อม ที่นิ่มนวลและได้ผลเป็นที่สุด
เหมือนในขณะนี้ ที่“ประเทศไทย”อุดมไปด้วย“นักร้อง” ที่ออกมาร้อง“ป่วนประเทศ” มี“ค่าตัว”เป็นตั๋วได้เงินก่อนอันดับแรก ๒ แสนบาท ตามการแคะคุ้ย-ลุยแคะข่าวของ“หมาแก่” ที่ส่งเสียงเฝ้าบ้านอยู่ที่“ช่อง ๙ อสมท.” ที่ผ่านมาไม่กี่วัน
ผลสำเร็จในการปราบ“ทีมเสี้ยม-ที่ไม่เจียมกะโหลก”กันนั้น…จะได้ผล โดยไม่มี“นักร้อง”ขึ้นมา“ขัดขวาง”ความเจริญของประเทศ
จะเป็นการ“ใช้ไม้แข็ง” เหมือนกับที่“จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์”ใช้ความเด็ดขาด เล่นงาน“อันธพาลครองเมือง” คืนความผาสุกให้กับชาติกลับมา
หรือจะใช้แนวทาง“อ่อนละมุน” ตามจับ“ลิง-ลพบุรี” แล้วนำคืนกลับไปยังป่า ด้วยหนทางที่สันติวิธีทั้งคนและสัตว์
เมื่อ“นักร้อง”กลายเป็น “มือปืนรับจ้าง” ออกมาเรียกร้องอย่างไม่เข้าท่า เราต้องร่วมกันหา“วิธีลงทัณฑ์มัน”อย่าให้ร้องพร่ำเพรื่อ
เราต้อง“ย้อนเกล็ด” กลับไปดูว่าที่“กกต.”เคยสังเวยคุก-ลุกไม่ขึ้นไปอยู่ในเรือนจำ มาจากเรื่องใด เป็นการ“เกื้อหนุน” รับเรื่องราวร้องทุกข์จาก“นักร้อง”กันหรือไม่
ฉะนั้น จึงมี“๒ สถานด้วยกัน” เมื่อมี“นักร้อง”..มาร้องแหกปากโวยวายแล้ว เขาต้องมีหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นจริง จะเล่นงาน“คนถูกร้องได้”
หากแม้นว่า“ผู้ที่ถูกร้องเรียนนั้น” มีหลักฐานโต้กลับ แก้ทุกอย่างได้ชัดเจน หลุดข้อหาทุกคำร้องของ“นักร้อง”ที่แสล๋นหน้าเพราะอามิสสินจ้าง มันต้องเจอ“บทลงโทษ” ที่เที่ยวกล่าวหาคนอื่นอย่าง“เป็นเท็จ” ด้วยความรุนแรงเช่นกัน
สิ่งที่มันทำนั้น จะให้เขา“หมดอนาคตทางการเมือง”..เพราะต้องการสร้าง“ไฮเวย์สายใหม่” เพื่อให้คนที่“กำกับหลังฉาก”ขึ้นมามีอำนาจ
ช่างเป็นการร้องเรียนที่“แสนสกปรก-โสโครก” มีผลประโยชน์ที่อยู่เบื้องหลัง “อันแสนโสมม”ยิ่งนัก
เมื่อคิดเล่นงานคนอื่นเขาให้“ถึงตาย” เราก็ต้องใช้“กฎหมาย”เป็น“บูมเมอแรง” ย้อนกลับ“ไปคืนสู่ตัวมัน”เหมือนกัน
หากแม้นว่าคดีใดที่“นักร้อง-ปากแจ๋ว” มันเข้าแถวลำเลียงออกมา“ร้องเรียน”กันไม่เว้นแต่ละวัน จนเป็นที่“รำคาญหัวใจ-ของคนไทย”เป็นอันมากส์ ในวันนี้….
เมื่อ“คดีไม่เป็นไปตามคำฟ้อง” ก็ต้องให้มัน“ติดคุก”กับความสาสมที่มัน“สมคิดกัน”มาถ่วงความเจริญของชาติให้เดินล่าช้า
อย่าให้เป็นเดิมๆ เมื่อคดี“ถูกตีตก”ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่..ปล่อยให้มันกลับบ้านเปิดแอร์นอนเย็นฉ่ำ หาเรื่องมาร้องเรียนกันต่อไป
“๒๔๙๙ อันธพาลครองเมือง”ยังปราบได้จริง.. “ลิงลพบุรี”ยังนำสู่ดงดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“นักร้องที่ครองเมือง” น่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะปราบ“เสี้ยนหนามตำเท้าคนไทย”ให้มันหมดไป
ใช้กฎหมายเล่นงานมัน..“เอาติดคุกให้อาน” นานไปมันก็ไม่กล้าที่จะออกมาร้องหรอก
“กะพรุนไฟ”