23 ตุลาคม 2024

“ถามก่อน-ร้อนใจ” กับผู้เป็น“ราษฎร”เป็นหรือไม่

“ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” นายใหญ่สำนักคุมการเงิน แห่งธนาคารประเทศไทย ดู“สุขโข-โชว์พลัง”อย่างไม่ยี่หระ

“ตั้งตน-ชน”กับ“พรรคเพื่อไทย” ซึ่งเป็น“นักการเมือง” ที่มี“เป้าสูง-รุ่งเรือง” ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดทั้งประเทศ ได้มีสภาพความเป็นอยู่“กินดี-อยู่ดี” มีสภาพร่วมกัน“ขับเคลื่อน-เลื่อนไหลประเทศไทย”ให้ก้าวหน้าโชติช่วงชัชวาลไปไม่หยุด

อาศัย“หมวกกันน็อก-หอก”ที่เกิดจาก“อำนาจรัฐประหาร” แบ่งแยกซีกอำนาจ ให้“ธนคารแห่งประเทศไทย”เป็น“องค์กรอิสระ”

มี“ไม้ค้ำยัน-เหนือกว่าไม้จันทร์” ที่“รัฐบาลประชาธิปไตย”ไม่อาจใช้อำนาจ“ปลด-ลดย้าย” นายใหญ่เบอร์หนึ่งของ“ธปท.”ออกไปได้

ทำให้“พลัง-ถูกมัดตราสัง” กระดิก-กระเดี้ยอะไร“ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ”กันไม่ได้เลย เป็น“หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ-ฤทธิ์ท่วมท้น”คับบางขุนพรหม

ที่บอกว่า แบงก์ชาติยุค“เศรษฐพุฒิ” เกิดศรศิลป์ไม่กินกันนั้น มาตั้งแต่ยุคที่“ท่านกิตติรัตน์ ณ ระนอง”เป็นขุนคลัง โดยมี“ดร.โกร่ง” วีรพงษ์ รามากูร นักวิชาการ“มือการเงิน”ที่ลือเลื่องไปทั้งอาณาจักร

ถ้าไม่“เยี่ยมยุทธ์-สุดประมาณ” ไม่เป็นเบอร์หนึ่งในใจ ที่“ป๋าเปรม” พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เรียกใช้ให้มาดูการเงินของแห่งดินกันหรอก

เหมือน “ผู้ว่าฯ เศรษฐพุฒิ”ไม่ฟังอีร้า-ค่าอีรม กับหัวกะทิการเงินของ“สายประชาธิปไตย”กันเสียเลย

เพราะนอกจาก “ตั้งป้อม-บอมบ์”เข้าใส่กับ“อดีตขุนคลังกิตติรัตน์” และ“ดร.โกร่ง”ที่มีใจเข้ามาร่วมงานกับ“พรรคเพื่อไทย”แล้ว

เมื่อมีการเปลี่ยนหัว“พยัคฆ์-หลักคนใหม่” เป็น “เศรษฐา ทวีสิน” มาเป็น“นายกรัฐมนตรี” ก็คง“ขัดขวาง-อย่างสุดฤทธิ์” ไม่ยอมที่จะ“คล้อยตาม-คำแนะนำ” ของ“อดีตนายกฯเศรษฐา” ที่ดำริ-คิดดี ให้มีการ“ลดดอกเบี้ย”ลงมา

เพราะจะช่วย “สร้างสภาพคล่อง-พี่น้องทั้งแผ่นดิน” ให้กลับมาลืมตา-อ้าปากกันได้อีกหน

แต่เพราะความเป็น“เอกเทศ-เลศนัย” ที่ได้อำนาจมาจาก“ผู้มีอำนาจปฏิวัติ”ในอดีต ให้เป็น“องค์กรอิสระ” รัฐบาลจะเอื้อมมาแตะไม่ได้ทั้งสิ้น

ซึ่ง“รัฐบาลพลเรือน-เตือนใจ” ด้วยอำนาจแห่งกฎหมาย เลยไม่เข้าไป“ยุ่มย่าม-บุ่มบ่าม”เอากับแบงก์ชาติแม้แต่น้อย

ทำให้ “ดร.เศรษฐพุฒิ” ที่มีสารตั้งต้น-เหมือนเป็นคนของ“ฝ่ายปฏิวัติ” เพราะมาด้วยอำนาจของ“ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เปล่งปลั่งรัศมี-โจมตี“การลดดอกเบี้ย การแจกดิจิตอลวอลเล็ต”ให้ประชาชนสร้างประเทศไปด้วยกัน จากเงินก้อนแรก ๑๐,๐๐๐ บาท

สร้างสถิติ-ป่นปี้ มีที่ไหนกัน “ขึ้นดอกเบี้ย” ๘ ครั้ง เวลาน้อยนิดแค่ไม่กี่ปี

ใช้“ข้ออ้าง-อย่างฟังไม่ขึ้น”ว่า เมื่อ“เฟด”ขึ้น“ดอกเบี้ย”กันแล้ว…เราในฐานะผู้ที่อยู่ปลายทาง-ปลายน้ำ ของกระแสเงิน ต้องปฏิบัติตาม

รีบขึ้นทันใด-ทันใจกันเสียด้วย ชิง“ปรับขึ้น”ดอกเบี้ย” โผนทะยานไวกว่า“กระสวยอวกาศ”ออกไปท่องดาวอังคารเสียอีก

แต่ไม่นานก่อนหน้านี้ “ธนาคารกลางสหรัฐ” หรือ“เฟด” ได้สั่งการ“ลดดอกเบี้ย”ลงมา“๐.๕%” เพื่อสร้างแรง“ใช้จ่ายเงิน-เดินกลับมาได้” ซึ่งหลายประเทศภูมิภาคนี้-มีคิว“ลดดอกเบี้ย”ตามกันมาเป็นแถวอย่างพรึ่บพรั่บ

ขณะนี้ “ธนาคารแห่งประเทศไทย” เหมือนเอา“หูทวนลม-อมพะนำ”เสียเช่นนั้นแหละคุณเจ้าขา

ออกมาอ้าง“หน้าตาย-ไร้หัวใจ” มันเป็นไปแล้ว..ว่าการ“ลดดอกเบี้ยอาจไม่ได้ผลมาก เท่ากับการปรับโครงสร้างหนี้”

ยามที่“เฟด”ออกกฎ-กำหนด“ขึ้นดอกเบี้ย”ปับ-ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็“ขึ้นดอกเบี้ย”กันอย่างไม่รั้งรอ-จ่อคอหอยคนไทยรับกรรมทันที

ในเมื่อ“ประชาธิปไตย” มี“เสียงสวรรค์ของประชาชน เป็นใหญ่ในแผ่นดิน”

การทำงานของทุกฝ่ายงาน ไม่ว่า“ขึ้นส่ง-ลงกับรัฐบาล” ด้วยอำนาจที่กฎหมายได้กำหนดมา

กระทั่ง”ธนาคารแห่งประเทศไทย” ที่มี“ปลอกคอ-วอขึ้นหม้อ” มาจากอำนาจพิเศษการปฏิวัติ ให้เป็น“องค์กรอิสระ” ไม่ขึ้นตรง-ลงเลยให้กับรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย

แต่ในเมื่อ“ดอกเบี้ย” เป็นอีก“หนึ่งชนวน-ป่วน” ให้การจับจ่ายของประเทศ“ติดขัด”เดินกันไม่ไหว

และ“คณะกรรมการนโยบายการเงิน” หรือ“กนง.” ซึ่งเป็นหน่วยงาน“ลมใต้ปีก” ขอ “นายเศรษฐพุฒิ” ก็ไม่คิดปรับ-ไม่ลดดอกเบี้ยลงมา

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ถ้ามีการลดดอกเบี้ยลงมา“0.25%” อาจทำให้“ธนาคารพาณิชย์”กำไรลดลง 3 % จากกำไรที่กอบโกย ทั้งระบบตลอดทั้งปี ประมาณ“200,000 ล้าน” ถ้าลดลง“3.%”กำไรจะหายไป“6,000 ล้าน”

เงินจำนวน“ 6 พันล้าน” จะได้เข้ามา“หมุนเวียน-เปลี่ยนมือ” จากประชาชน-ไปสู่ประชาชน ซึ่งมีผลดีเหลือหลาย มากกว่า

“พิชัย ชุณหวชิระ” ขุนคลังที่เพียบพร้อมไปด้วยศักยภาพ-คับแก้ว ควรฟาดฟัน-ดั้นเมฆ ให้ประชาชนอยู่ดี-กินดี

ในเมื่อ“เศรษฐพุฒิ” เป็น“จุดอ่อน-เดือนร้อน”มาสู่เหล่าประชาชน ท่านต้องหา“ทางปลด-ทดความเจ็บ”ให้ชาติเสียที

อยู่เป็นเสี้ยน..”มีแต่ความคลื่นเหี้ยน” เปลี่ยนตัวให้เร็ว ๆ กฎหมายต้องมีช่องเอาไว้เพื่อสะสางได้อย่างแน่นอน

“กะพรุนไฟ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *