24 ตุลาคม 2024

บทบาทจีน ในการยุติข้อพิพาท อิสราเอล-ปาเลสไตน์

0

สงครามระหว่างอิสราเอลกับ‘กลุ่มฮามาส’ ซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์ จนถึงวันนี้ยังไม่มีข้อยุติ ซ้ำยังคงมีความรุนแรงต่อเนื่อง เพราะอิสราเอลยังเดินหน้าถล่มฉนวนกาซาอย่างหนัก หลังถูกกลุ่มฮามาสบุกโจมตีอย่างรุนแรง และมีการจับตัวประกันไปกว่า 200 คน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา 

แน่นอนว่า การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยตัวเลขรายงาน ณ วันที่ 12 พ.ย. 2023 พบว่ามียอดผู้เสียชีวิตแล้ว 11,078 คน ผู้บาดเจ็บอีกหลายหมื่นคน และมีผู้สูญหายกว่า 2,700 คน ซึ่งส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตเป็นชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ที่เสียชีวิต จากการโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอล ขณะที่ในอิสราเอล มีผู้เสียชีวิตอยู่ที่ราว 1,400 ศพ

ขณะที่มีรายงานว่าแม้แต่ผู้สื่อข่าวที่ไปปฏิบัติหน้าที่ ก็มีการเสียชีวิตไปแล้วราว 40 คน

การสูญเสียที่ยังไม่มีข้อยุติ ทำให้ทั่วโลกตึงเครียดและต้องการให้การสู้รบยุติลง ไม่ใช่บานปลายมากขึ้น เพราะไม่เพียงจะมีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในเลบานอน เข้ามาร่วมโจมตีอิสราเอลด้วย แต่เริ่มมีท่าทีของอีกหลายประเทศที่ขู่ว่าจะเข้าร่วมสู้รบด้วย หากอิสราเอลยังไม่หยุดโจมตีฉนวนกาซา

ในขณะที่ สหประชาชาติ ก็ยังไม่สามารถที่จะแสดงบทบาทแทรกแซงเพื่อให้ยุติการสู้รบ และเกิดสันติภาพได้ เนื่องจากความเห็นในกลุ่มประเทศสมาชิกสหประชาชาติก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่

เสียงเรียกร้องจึงมุ่งเป้าไปที่ 2 ประเทศมหาอำนาจ ที่ถือว่ามีบทบาทในฐานะผู้นำโลกในปัจจุบัน คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน ให้เข้ามาช่วยสร้างสันติภาพในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

อย่างไรก็ตาม ความใกล้ชิดระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิสราเอล ทำให้ถูกมองว่าสหรัฐอเมริกาจะออกหน้าดำเนินการอะไรอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก น้ำหนักจึงได้หันมาจับตามองบทบาทของจีน ว่าน่าจะเป็นประเทศที่เหมาะสมที่สุดในการที่จะไกล่เกลี่ยเพื่อให้ยุติการสู้รบได้

ทั้งนี้เพราะเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้มีการต้อนรับนายมาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ที่มหาศาลาประชาชนจีน ขณะที่ไปเยือนจีน หลังจากที่เมื่อปลายปีที่แล้ว (2022)  ทั้งสองฝ่ายได้เข้าร่วมและพบปะกันในการประชุมสุดยอดจีน-อาหรับครั้งแรกที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย มาก่อนแล้ว

ซึ่งนับเป็นความสำเร็จของจีนในการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยสามารถบรรลุฉันทามติที่สำคัญตามวัตถุประสงค์ ที่สำคัญ นายอับบาส ซึ่งถือเป็นประมุขแห่งรัฐอาหรับคนแรกที่จีนให้การต้อนรับและมีการพูดคุยหารือกันต่อเนื่อง ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีของจีนกับปาเลสไตน์

โดยตามรายงานข่าว ระบุว่า สี จิ้นผิง มีการแสดงความเห็นว่า ปัญหาปาเลสไตน์ผ่านมามากว่าครึ่งศตวรรษ และนำความทุกข์ยากมาสู่ประชาชนปาเลสไตน์ จึงควรที่จะหาทางยุติปัญหาที่ยาวนานนี้เสียที เพื่อให้เกิดสันติภาพที่แท้จริง

 ที่สำคัญ หลังจากที่เกิดการสู้รบ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2023 ว่า “การกลับมาเกิดความขัดแย้งแสดงให้เห็นอีกครั้งว่า กระบวนการสร้างสันติภาพไม่อาจปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไปได้”

รวมทั้งได้ย้ำจุดยืนของรัฐบาลจีนในการสนับสนุนแนวทางแก้ไขแบบสองรัฐ ด้วยการให้มีทั้งรัฐอิสราเอลและรัฐปาเลสไตน์ โดยมองว่าเป็นหนทางพื้นฐานในการยุติความขัดแย้ง

แถลงการณ์ ยังระบุด้วยว่า จีนเป็นกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น และเรียกร้องให้ประชาคมโลกดำเนินการอย่างเร่งด่วนมากขึ้นในประเด็นปาเลสไตน์ โดยที่จีนจะยังคงทำงานอย่างไม่ลดละร่วมกับประชาคมโลกเพื่อเป้าหมายนั้นต่อไป

ขณะที่ สถานทูตอิสราเอลในกรุงปักกิ่ง ระบุในโพสต์บน X ว่า “รู้สึกขอบคุณต่อทุกประเทศที่ยืนเคียงข้างอิสราเอล และเรายังหวังว่าจีนจะแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและสนับสนุนอิสราเอลในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้”

ซึ่งหากย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2023 สี จิ้นผิง ได้มีการเสนอให้จัดการประชุมสันติภาพระหว่างประเทศ ในเรื่องความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ และกล่าวยืนยันว่า จีนพร้อมที่จะมีบทบาทอย่างแข็งขันในการอำนวยความสะดวกในการเจรจาสันติภาพ

สะท้อนชัดว่า สี จิ้นผิง พยายามสร้างภาพลักษณ์ของจีนในฐานะคนกลางผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในตะวันออกกลาง

จะเห็นได้ว่า บทบาทของจีนในฐานะคนกลางที่จะร่วมผลักดันร่วมกับประชาคมโลก ในการสร้างสันติภาพให้กับตะวันออกกลาง ถือเป็นบทบาทที่โดดเด่น และชัดเจนว่าบรรดาประเทศต่างๆก็ให้การยอมรับกับท่าทีและบทบาทของจีน

เพราะแน่นอนว่าทุกประเทศในโลกขณะนี้ ที่ล้วนได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ที่เป็นผลต่อเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงระยะเวลายาวนานกว่า 3 ปี ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจโลกซบเซา หากยังมาเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ มีการสู้รบ มีการทำสงคราม เกิดการบอยคอตทางการเศรษฐกิจ เกิดปัญหากับราคาพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ย่อมไม่มีผลดีเลย ไม่ว่ากับประเทศใด

ในขณะที่ประเทศจีน ซึ่งแม้จะหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซาไม่พ้น แต่จีนยังถือเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจ และเป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจที่สำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจประเทศต่างๆที่เป็นคู่ค้าได้เป็นอย่างดี การที่ประเทศจีนใช้การแก้ไขปัญหาด้วยการใช้เศรษฐกิจนำหน้า จึงเป็นแนวทางที่สามารถกล่าวได้ว่ามีความเหมาะสมอย่างยิ่ง

ซึ่งแนวทางหรือยุทธศาสตร์ นี้ สี จิ้นผิง ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ในการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ (BRF) ครั้งที่ 3  ว่า มนุษยชาติคือประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน และ “จีนจะดำเนินไปได้ดีเมื่อโลกดำเนินไปด้วยดี เมื่อจีนดำเนินไปได้ดีโลกจะดำเนินไปด้วยดียิ่งขึ้น”

และในการประชุม BRF ก็ได้มีการหยิบยกเรื่องการสู้รบในเขตฉนวนกาซา ขึ้นมาหารือ โดยที่จีนและรัสเซีย ต่างเรียกร้องให้หยุดยิง สอดคล้องกับ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ที่กล่าวถึงความขัดแย้งนี้ในการประชุม BRF โดยเรียกร้องให้หยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมทันที

ทั้งนี้ จีนได้กลายเป็นคู่ค้าหลักของประเทศและภูมิภาคต่างๆ มากกว่า 140 แห่ง และเป็นแหล่งการลงทุนหลักของประเทศต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยทั้งการลงทุนของจีนในต่างประเทศและการลงทุนของต่างชาติในจีนได้กระตุ้นมิตรภาพ ความร่วมมือ ความเชื่อมั่น และความหวัง

ดังนั้น บทบาทของจีนในการเป็นคนกลางที่พยายามแก้ไขปัญหาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ จึงถือเป็นบทบาทสำคัญยิ่ง ที่ทั่วโลกจับตามอง

ด้วยเหตุนี้เอง การที่ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน พบปะกันนอกรอบการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2023 จึงถูกจับตามองว่าจะมีความพยายามระหว่างสหรัฐและจีนในการแก้ไขความขัดแย้ง และนำไปสู่ความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาต่างๆของโลกปัจจุบัน เพียงใด

โดย นายภูวนารถ ณ สงขลา
ที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการการค้าชายแดนและข้ามแดน ด้านจีนตอนใต้ หอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว Bangkok Wealth & Biz และ สำนักข่าว บางกอกทูเดย์ออนไลน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *