‘สาธิต’ ยก 4 เหตุผล ลาออกจากสมาชิกประชาธิปัตย์

นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงลาออกจากสมาชิกพรรค โดยยกเหตุผล 4 ข้อว่า 1. สถานการณ์ของพรรคมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงอุดมการณ์เป็นอย่างมาก และจากที่มาร่วมประชุมรู้สึกว่าเป็นการประชุมเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเหมือนกับรู้ผลมาก่อนล่วงหน้า ฉะนั้นทิศทางและแนวทางทางการเมืองของพรรคที่ผ่านมาจนมาถึงวันนี้ ตนเห็นว่าละทิ้งอุดมการณ์ของพรรค เห็นได้จากเหตุการณ์การจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมามีการไปลงมติให้ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ทั้งที่พรรคมีมติแล้วว่าให้งดออกเสียง นั่นคือความชัดเจนว่า ทิศทางของพรรคในเชิงอุดมการณ์การเปลี่ยนแปลง

นายสาธิต กล่าวว่า 2.มีคนกลุ่มหนึ่งในพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับคำว่าพรรคพวกมากกว่าจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน และมากกว่าอุดมการณ์ที่มีมาอย่างยาวนานของพรรค แล้วจะเห็นทิศทางของการนำพาพรรคในอนาคตที่ชัดเจนได้อย่างไรหากปราศจากจุดยืนทางการเมือง 3.ทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เปิดโอกาสให้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทั้งที่ในที่ประชุมมีผู้เสนอตัวลงสมัครหัวหน้าพรรค โดยต้องใช้การงดเว้นข้อบังคับโดยใช้เสียง 3 ใน 4 แต่ปรากฏว่า ไม่ให้ลงสนามเลือกตั้ง จึงถือว่า การเปลี่ยนแปลงของพรรคไม่เป็นไปในทิศทางที่มีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน แต่ใช้ความเป็นพรรคพวกมาตัดสินทุกเรื่องในการนำพาพรรค

นายสาธิต กล่าวว่า และ 4.คนที่จะมานำพาพรรคไม่รักษาสัจจะวาจา อย่าว่าแต่เป็นผู้บริหารพรรคเลย เป็นนักการเมืองก็เป็นไม่ได้เพราะคำพูดและสัจจะที่เราให้ไว้กับประชาชนในที่สาธารณะเปรียบเสมือนนโยบายที่ต้องรักษา นักการเมืองที่ดีต้องพึงรักษา

“ดังนั้น ถ้านักการเมืองที่มีคุณสมบัติแบบนี้มานำพาพรรค ผมเห็นว่าทิศทางในอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะถูกประชาชนลงโทษ ผมจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งตลอดเวลา 13 ปีที่ผ่านมามีความผูกพันกับพรรค และจะดูว่าคนที่จะบริหารพรรคจะนำพาพรรคไปสู่จุดไหนและจะติดตามเฝ้าดู ถ้ามีโอกาสก็พร้อมจะกลับมาร่วมงานกับเพื่อนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในโอกาสครั้งต่อไป” นายสาธิต

ส่วนจากนี้จะไปทำงานเมืองพรรคการเมืองใด นายสาธิต กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการตัดสินใจว่า จะไปอยู่พรรคไหน แต่วันนี้ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรค ซึ่งการลาออกครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของตนคนเดียวและคิดว่าจะมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ที่มีแนวความคิดตรงกันก็แล้วแต่จะตัดสินใจ ตนไม่ได้ชวนใคร