ตอบให้ตรงที่เขาถาม
เมื่อ “หนุ่มเมืองจันท์” ตั้งคำถามง่ายๆว่า “แบงก์ชาติ”ดูแลการทำมาหากินของ “แบงก์พานิชย์”ประเทศนี้อย่างไร ทำให้ทั้งที่เป็นที่รู้กันว่าเศรษฐกิจประเทศย่ำแย่ ชาวบ้านร้านตลาดเดือดร้อนด้วยทำมาหากินฝืดเคืองไปทุกหัวระแหง แต่ “ธุรกิจธนาคาร”กลับทำกำไรเพิ่มกันทั่วหน้าเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาท
แล้วคนในรัฐบาลทั้งนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” และหลายท่านออกมาชี้ว่าการประกาศขึ้นดอกเบี้ยของ “แบงก์ชาติ”ที่ไปเอื้อให้ธนาคารพานิชย์ขยายส่วนต่างดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำติดดินจนจะกลายเป็น “คนฝากเงิน”ขาดทุนเมื่อหัก “ดอกเบี้ยเงินฝาก”กับ “เงินเฟ้อ” แต่ธนาคารกำไรเยอะแยะ เพราะไปขึ้น “ดอกเบี้ยเงินกู้”ตามนโยบายของแบงก์ชาติ
จ่าย “ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ” แล้วเอาไป “ปล่อยกู้ดอกเบี้ยสูง” เป็นผลให้ธุรกิจธนาคารกำไรมโหฬารท่ามกลางความหายนะของชาวบ้าน และความอัตคัตของประเทศ
เรื่องนี้จริงไม่จริงอย่างไร ควรจะอธิบายกันด้วยเหตุด้วยผล ตามหลักการบริหารการเงิน การคลัง การธนาคาร เพื่ออย่างน้อยให้ผู้คนได้รับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้ ถึงได้มีประเด็นให้สงสัยกันว่ากลไกการจัดการประเทศเอื้อผลประโยชน์ให้กับธุรกิจผูกขาด โดยไม่ใส่ใจว่าจะถ่างช่องว่างความเหลื่อมล้ำ ให้เกิดความอึดอัดในการอยู่ร่วมกันสักแค่ไหน
กลับกลายเป็นเกิดขบวนการโจมตีว่า “หนุ่มเมืองจันท์”สมคบคิดกับ “รัฐบาล” ด้วยเป็นพิธีกรซึ่งสัมภาษณ์ “นายกรัฐมนตรีเศรษฐา”อยู่บ่อยๆ เพื่อดีสเครดิสแบงก์ชาติ
เพราะ “แบงก์ชาติ”ต่อต้านโครงการ “แจกเงินดิจิตอลคนละ 10,000 บาท” ซึ่งเป็น “นโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย”
การตอบโต้แบบนี้เลอะเทอะ แบบ “ไปไหนมาสามวาสองศอก”
ประเด็นอยู่ที่ประเทศวิกฤตไปทุกด้าน ธุรกิจอื่นเดือดร้อนส่อแววล้มละลายกันถ้วนทั่ว แต่ “ทำไมธุรกิจธนาคารพาณิชย์จึงกำไรเพิ่มขึ้นง่ายๆจากการเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายครั้งแล้วครั้งเล่าของแบงก์ชาติ”
ข้อเท็จจริงคือ “ธุรกิจที่ต้องกู้เงินแบงก์แย่ลง ชาวบ้านที่ฝากเงินแบงก์ไม่ได้อะไรขึ้นมา ประเทศชาติมีปัญหา”
แต่ “ทำไมธุรกิจแบงก์ที่เอาเงินฝากของประชาชนไปปล่อยกู้ถึงกำไรเพิ่มขึ้นมหาศาล”
ต้องตอบให้ชัดในประเด็นเหล่านี้
อย่าไปเอาความสงสัยในเรื่องนอกประเด็น มาเบี่ยงเบนให้ไม่ต้องตอบคำถามที่ใช้แค่ “common sense”ง่ายๆ
มันไม่แฟร์
เดอ ณีชาติ์