วินิจฉัย ‘พิธา’ ยิ่งกลัวยิ่งแพ้
เห็นการคาดการณ์กันเกลื่อนไปหมด กรณี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในวันนี้จะหลุดจากการเป็น สส.หรือไม่
เกิดอะไรขึ้นกับกฎหมายประเทศไทย โดยเฉพาะกฎหมายสูงสุด คือ กฎหมายรัฐธรรมนูญ
เกิดอะไรขึ้นกับการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระ
และเกิดอะไรขึ้นกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
สิ่งเหล่านี้คือคำถามที่สังคมไทยควรตระหนักต่อการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในบ่าย 2 โมงวันนี้
กฎหมายมีมาตราเดียว แต่วิเคราะห์กันไปได้มากถึง 4-5 แนวทาง แถมแม้แต่ อดีตตุลาการรัฐธรรมนูญ ยังบอกว่าก้ำกึ่ง ระหว่างการวินิจฉัยตามตัวอักษร กับการวินิจฉัยโดยการตีความเจตนารมณ์ของกฎหมาย
กฎหมายไทยมาตรานี้ หมดความเหมาะสมแล้วหรือไม่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นในยุคที่คนธรรมดาก็สามารถสร้างสื่อออนไลน์จนมีผู้ติดตามมากมาย มีอิทธิพลมากมาย มากขนาดที่ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือตกเป็นผู้ต้องหากลายเป็นคนดัง มีเงินมีทองมีทรัพย์สินมากมายได้
ตรงไปตรงมา เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของสังคมต่อกฎหมายไทย มาตรานี้และอีกหลายๆมาตราสมควรแก้ไขได้แล้วหรือไม่
ขณะที่การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ควรมีการกำหนดแนวทาง วิธีปฏิบัติ ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่
คนร้องคนกล่าวหา ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ต่อผลการวินิจฉัย ถ้าเป็นไปตามที่ต้องการ ก็อวดโอ่เป็นผลงาน แต่ถ้าไม่ใช่ก็เงียบๆไป
ขณะที่ตุลาการรัฐธรรมนูญกลายเป็นตำบลกระสุนตกแทน
โดยเฉพาะในยุคที่สังคมไทยยังคงแบ่งแยกแตกขั้วอย่างรุนแรง ยังอาศัยทุกกลวิธีฟาดฟัน ทำลายล้างกันทางการเมือง
ทั้งๆที่ สุดท้าย ประชาชนต่างหากคือคนตัดสิน ไม่ใช่องค์กรอิสระใดๆ
หากวันนี้ พิธา หลุดจากการเป็น สส. พรรคก้าวไกลจะเล็กลงอย่างที่มีคนต้องการเพราะหวาดกลัว กลัวพ่ายแพ้ทางการเมืองในอนาคตหรือไม่
หรือจะยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะสำหรับคนรุ่นใหม่ คนประชาธิปไตย ที่มองความเป็นจริง ไอทีวี ยังไงก็ไม่ใช่สื่อแล้ว ไม่มีการออกอากาศ หรือมีอิทธิพลใดๆ ต่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเลยสักนิด
จะมีก็แต่บางคน ที่กำลังจะหมดอำนาจวาสนาในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ที่ยังคงตีความตะแบงสุดฤทธิ์ว่าไอทีวีเป็นสื่อ
น่าอนาถใจในคุณภาพอย่างยิ่ง
อัคคี กัมปนาท