24 ตุลาคม 2024

จับ ‘ศรีสุวรรณ จรรยา’ ข้อหาเรียกเงินแลกการไม่ร้อง โยงพัวพัน ‘เจ๋ง ดอกจิก’ ด้วย

0

วันที่ 26 มกราคม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. นำโดย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผอ.ปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 นำหมายค้นเข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายจำนวน 3 จุด ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหาขบวนการนักเคลื่อนไหวหรือนักร้องเรียนข่มขู่เรียกเงินเจ้าหน้าที่รัฐแลกกับการไม่ร้องเรียนหรือกลั่นแกล้งให้ถูกตรวจสอบ

ปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ว่าถูก นายศรีสุวรรณ จรรยา นักเคลื่อนไหว นักร้องเรียน พร้อมด้วย นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ และเป็นหนึ่งในคณะทำงานเขตราชการที่ 11 ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี พร้อม น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมกันข่มขู่เรียกเงินจำนวน 3 ล้านบาท ก่อนจะมีการเจรจาต่อรองเหลือ 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการปลูกข้าว และโครงการปรับปรุงการผลิตสำหรับผู้ปลูกข้าว โดยอ้างว่าพบข้อพิรุธที่ส่อไปในทางทุจริต

แต่นายณัฏฐกิตติ์มั่นใจว่าที่ผ่านมาบริหารงานหรือปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ถูกผู้ต้องหาทั้ง 3 รายกล่าวอ้างเพื่อข่มขู่ จึงมองว่าการถูกกระทำเช่นนี้ไม่เป็นธรรมแก่ตนเอง แต่ด้วยความที่เกรงว่าหากถูกร้องเรียนโจมตีบ่อยครั้งเข้าจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงยอมจ่ายเงินให้ครั้งแรกก่อนเป็นจำนวน 1.4 แสนบาท ก่อนแอบถ่ายคลิปวิดีโอตอนส่งมอบเงินเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงนำมามอบให้กับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ก่อนมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจนเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 รายมีพฤติกรรมดังกล่าวจริง จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางออกหมายจับนายศรีสุวรรณ และ น.ส.พิมณัฏฐา ในข้อความผิดฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด พร้อมออกหมายจับนายยศวริศ ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อนวางแผนให้ผู้เสียหายทำการนัดหมายส่งมอบเงินงวดต่อมาอีก 5 แสนบาท ไปส่งมอบให้ จึงซ้อนแผนเข้าจับกุม

โดยเป้าหมายสำคัญจุดแรกคือที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายศรีสุวรรณ หลังจากผู้เสียหายส่งคนนำเงิน 5 แสนบาท ไปส่งมอบให้กับภรรยาของนายศรีสุวรรณ กระทั่งเมื่อเห็นว่ามีการหยิบซองเงินเข้าไปภายในบ้านจริง จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม ระหว่างนั้นนายศรีสุวรรณเกิดไหวตัว พยายามวิ่งนำซองเงินไปโยนทิ้งบริเวณข้างบ้าน เจ้าหน้าที่จึงวิ่งไล่ติดตามไปตรวจยึดกลับคืนมาได้ ก่อนแสดงหมายจับให้เจ้าตัวรับทราบ และควบคุมตัวพร้อมพาตรวจค้นภายในบ้านพัก เพื่อค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติมทางคดี ทั้งยังเตรียมเชิญภรรยาของนายศรีสุวรรณไปทำการสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วยหรือไม่

หลังการจับกุมตัวนายศรีสุวรรณไม่นาน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มายัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อประสานติดต่อจะพา นายยศวริศ หรือเจ๋ง ดอกจิก กับ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ ผู้ต้องหาอีก 2 ราย เข้ามอบตัว และเมื่อเวลา 16.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล และ สน.ดุสิต ได้ไปที่กระทรวงพลังงานและเชิญนายยศวริศขึ้นรถเพื่อไปที่ สน.ดุสิต ทำการสอบสวนตามขั้นตอนและกระบวนการต่อไป

ด้านนายยศวริศกล่าวว่า “ยังไม่ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่รู้เรื่องอะไร เพิ่งรู้เรื่องจากตำรวจ ผมประสานให้นายศรีสุวรรณ เฉยๆ ซึ่งเรื่องนี้ต้องคุยกันไม่เป็นไร ยืนยันว่าชี้แจงได้ ขอย้ำว่าชี้แจงได้ไม่มีปัญหา”

นายยศวริศ กล่าวว่า พบทราบเรื่องแล้วก็รีบมามอบตัวทันที เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนที่เขากล่าวหาว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติ ประพฤติมิชอบ ไปกระทำการผิดกฎหมาย ในความจริงไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองตั้งนานแล้ว ได้ลาออกตำแหน่งที่ปรึกษากรรมาธิการตั้งนานแล้ว ทุกตำแหน่งที่ผมมีลาออกไปตั้งนานแล้ว เพราะต้องไปทำงานของตนต่างหาก

“เพื่อความบริสุทธิ์ใจ และไม่ให้ทางพรรคมีปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านพีระพันธุ์ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค ท่านมีความเมตตากับผมมาก ผมก็ป้องกันไม่ให้ท่านเกิดความเสียหาย ที่มาวันนี้ไปพบปะเพื่อนฝูงที่ทำเนียบรัฐบาล” นายยศวริศกล่าว

สำหรับความเกี่ยวข้องกับนายศรีสุวรรณเป็นอย่างไร นายยศวริศ กล่าวว่า ได้ไปร้องเรียนคู่กับศรีสุวรรณบ่อยๆ ในเรื่องของการทุจริตองค์กร กระทรวงต่างๆ ซึ่งไม่รู้เข้าเกี่ยวพันอย่างไร ซึ่งในเรื่องคดีให้ทนายความจัดการ เพราะไม่รู้เรื่องด้วย และไม่มีความกังวลอะไร ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการมอบเงินใดๆ

และเมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 26 มกราคม ที่กองบังคับการปราบปราม คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ร่วมกับ ตำรวจป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ร่วมกันตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึง ปฏิบัติการ “หยุดเถอะครับ” โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีของบุคคลที่รู้จักกันทั้งประเทศ เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของผู้เสียหายคนหนึ่งของกระทรวงเกษตรฯ และภรรยา ได้รับความเดือดร้อนและถูกรังแก เข้ามาร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ ปปป. จึงได้ประสานงานสืบสวนและส่งเรื่องให้ทาง ป.ป.ช.พิจารณา เบื้องต้นการดำเนินการยืนยันว่าสิ่งที่ผู้ร้องเรียนถูกรังแกมีเจ้าหน้าที่รัฐรวมอยู่ด้วย กระทั่งนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 3 รายในวันนี้

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมดำเนินให้คดีนี้เป็นเคสตัวอย่าง โดยเรื่องเกิดขึ้นเมื่องต้นปีที่ผ่านมา หรือเดือนมกราคม มีอธิบดีกรมหนึ่งมอบหมายให้ทนายความเข้าร้องเรียนถึง นายยศวริศ หรือเจ๋ง ดอกจิก ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะทำงานเขตตรวจราชการที่ 11 โดยรองนายกฯ ซึ่งมีอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริง ในเขตตรวจราชการที่ 11 ซึ่งอยู่ในภาคอีสาน มีหน้าที่เรียกตัวเจ้าหน้าที่ นำมาตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อนำไปเสนอ กับ กมธ.ที่เกี่ยวข้องต่อไป

โดยขณะนั้นมีประเด็นบัตรสินเชื่อร้องเรียนอธิบดีกรมการข้าวเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นโครงการที่มีมูลค่าประมาณ 1,000 กว่าล้าน และมีอีก 2-3 โครงการ ประมาณ 700 ล้าน ปรากฏว่านายยศวริศได้หยิบประเด็นเรื่องนี้ไปเปิดแถลงข่าวว่ามีการทุจริตของกรมนี้เรื่องการรับผลประโยชน์ หลังจากนั้นก็ได้มีผู้ประสานงานให้นายศรีสุวรรณพูดคุยกับอธิบดีและภรรยา เพื่อเรียกร้องผลประโยชน์แลกกับไม่ร้องเรียน เพราะฉะนั้นเราจึงมองว่า นายยศวริศเข้าข่ายมีความผิด

หลังจากที่มีการติดต่ออธิบดีเพื่อต่อรองเรียกรับเงินนั้น แบ่งเป็นจ่ายงวดแรกและงวดต่อไป ในช่วงก่อนปี’67 ประมาณเดือนธันวาคม จ่ายผ่านตัวแทนคนหนึ่ง จากที่มีการเรียกเงินทั้งหมด 3 ล้านบาท ซึ่งตอนแรกผู้เสียหายก็กลัวเลยจ่ายไป แต่ต่อมาคิดได้ว่าตนไม่ได้ทำผิดอะไร จึงมาร้องเรียน

ทั้งนี้ คณะกรรมการจึงได้วางแผนจับกุม โดยผู้เสียหายติดต่อว่าจะนำเงินส่วนที่เหลือไปให้ที่บ้านของนายศรีสุวรรณ พอเข้าไปปุ๊บก็พบเงินที่เป็นของกลาง ทว่าก่อนหน้านั้นมีการเก็บหลักฐานจากการติดต่อทั้งในไลน์ และโทรศัพท์ กล่าวได้ว่าในการจับกุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จในการจับกุมและคุมตัวนายศรีสุวรรณ ซึ่งขณะนี้กำลังสอบปากคำอยู่

นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวว่า อยากฝากไว้ว่าการร้องเรียนเป็นเรื่องที่ดี เพราะเราสามารถนำไปขยายผลต่อได้ วันนี้เราก็ได้ดำเนินการด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม ทว่าอย่านำเรื่องร้องเรียนมาแสวงหาผลประโยชน์ ขอให้ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ซึ่งหากมีผู้ที่รู้สึกว่าถูกเรียกรับผลประโยชน์สามารถแจ้งมาได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *