ดร.สุชาติ ชี้ บริหารเศรษฐกิจต้องดูเป็นระบบ ติงใช้เหตุผลย่อยตัดสินใจมักจะผิดตรงข้าม
ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์มหภาค และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การบริหารเศรษฐกิจต้องบริหารเป็นระบบ ซึ่งเรียกว่า Macroeconomics ควรใช้ระบบนี้ตัดสินใจเท่านั้น ไม่ควรเอาเหตุผลแบบย่อยๆ(Microeconomics) มาใช้อธิบายเข้าไปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ผลลัพธ์จะผิดตรงข้ามเลย เช่นกรณีผู้ช่วยผู้ว่าแบงก์ชาติคนหนึ่ง นำเหตุผลจากภาพย่อย(Micro) มาพูดว่า หากดอกเบี้ยต่ำประชาชนจะไปกู้เงินมากขึ้น แล้วเป็นหนี้มากขึ้น ดังนั้นต้องขึ้นดอกเบี้ยแล้วประชาชนจะกู้น้อยลงจึงจะเป็นหนี้น้อยลง
ดร.สุชาติ กล่าวว่า แต่หากมองระบบ(Macro) ล้วนๆ การลดดอกเบี้ย ประการแรกจะทำให้การลงทุนเอกชน(I) เพิ่มขึ้น ประการที่สองทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง มีผลให้การส่งออกและท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น(X) โดยทั้ง 2 ตัวแปร อยู่ในสมการ GDP = C+I+G+(X-M) จึงทำให้ GDP เพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น จึงไปกู้มาเพื่อการบริโภค(C) น้อยลง และดอกเบี้ยบนยอดหนี้รวมก็น้อยลงด้วย
“ดังนั้น การลดดอกเบี้ยจึงทำให้หนี้ครัวเรือนลดลง จะเห็นได้ว่าผลลัพธ์ตรงข้ามกับที่ผู้ช่วยฯท่านนั้นพูดเลย การบริหารเศรษฐกิจจึงต้องดูให้เป็นระบบ ต้องไม่เอาเหตุผลภาพย่อย(Micro) มาอ้างอิง เพราะจะผิดมากกว่าถูก ซึ่งคนมักพูดผิดๆเป็นประจำ แม้จบเศรษฐศาสตร์มาแล้ว จึงขอสรุปเบื้องต้นว่า เวลาวิเคราะห์ระบบ Macroeconomics ไม่ควรนำเหตุผลจาก Microeconomics ที่พูดเป็นเรื่องๆแยกออกจากกันมาอ้างอิงด้วย”
ดร.สุชาติ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องศักยภาพการผลิต(Productivity) แม้ประเทศใหญ่มากๆอย่างสหรัฐฯ เมื่อดำเนินนโยบายถูกต้องยังสามารถเติบโตได้ถึง 3-4% ในไตรมาสที่2 และ 3 ของปี 2566 ส่วนญี่ปุ่น ในไตรมาส 3 ก็เติบโตได้ 6% ดังนั้น การที่แบงก์ชาติพูดว่าเรามีศักยภาพเติบโตได้เพียง 3% กว่าๆ จึงเป็นเรื่องน่าเศร้าใจ สำหรับประเทศยากจนอย่างไทยที่ไม่สามารถช่วยกันสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจให้เติบโตได้ 5-6% การขาดความรู้ความเข้าใจ ไม่ทำตามหลักวิชา โดยขึ้นดอกเบี้ยสูงเกินไป กดเงินเฟ้อต่ำไปจนติดลบ ทำให้ระบบเศรษฐกิจแทบไม่เติบโต ไม่มีอนาคต และประชาชนยากจน
นอกจากนี้ ประเทศจีน ซึ่ง GDP เติบโตกว่า 5% ในปี2566 ก็ยังลด Required Reserve ratio ถึง 0.5 point เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ โดยไม่ได้อ้างแบบแบงก์ชาติไทยว่าจะฟื้นเศรษฐกิจต้องไปเพิ่มศักยภาพการผลิต(Productivity) แต่แบงก์ชาติไทยไม่ยอมลดดอกเบี้ย ทั้งๆที่ GDP ปี2566 เติบโตเพียง 1.8% โดยอ้างว่าดอกเบี้ยเป็นกลาง จึงแสดงถึงการขาด “หลักวิชา” นับเป็นเรื่องที่โชคร้ายสำหรับประเทศและประชาชนไทย
ดร.สุชาติ กล่าวว่า การที่แบงก์ชาติพูดว่า หากรัฐบาลไทย ต้องการความเจริญเติบโต (GDP growth) สูงขึ้น ก็ต้องไปเพิ่ม Productivity แต่คำๆ นี้เป็นแนวคิดระดับ Micro เป็นตัวแปรตามตัวอื่นๆ จึงต้องค้นหาดูว่า เราจะเพิ่ม Productivity ของชาติได้อย่างไร คำตอบคือต้องขายของได้มากขึ้น กรณีประเทศไทยคือส่งออกสินค้าและบริการได้มากขึ้น จึงไปจะดึงการใช้กำลังการผลิต(Capacity) ให้เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันใช้เพียง 57% เกือบต่ำสุดในโลก และเมื่อเพิ่ม Capacity ได้ใกล้ 100% แล้ว จึงจะมีการไปซื้อเครื่องมือเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาเพิ่ม Productivity
“แล้วประเทศไทยจะส่งออกมากขึ้นได้อย่างไร ก็ต้องไปลดดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง แข่งขันได้ดีขึ้น ดังนั้น การลดดอกเบี้ยจึงจะทำให้Productivity เพิ่มขึ้น แล้วรัฐบาลยังได้ภาษีมากขึ้น สามารถนำไปสร้างโครงสร้างและบริการพื้นฐานมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Productivity ของชาติ อีกทางหนึ่งด้วย”ดร.สุชาติ กล่าวในที่สุด